‘คลัง’ ลุ้นคนละครึ่งพลัส พยุงเศรษฐกิจ ห่วงปมชายแดน ฉุดท่องเที่ยว-เชื่อมั่น

สศค. กางตัวเลขเศรษฐกิจ พ.ย. 68 ชี้ “คนละครึ่งพลัส” ดันดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้น ยังเกาะติดผลสัมฤทธิ์ใกล้ชิด หลังเครื่องยนต์ท่องเที่ยวเริ่มสะดุด ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติวูบ หวั่นปมขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา บานปลาย
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน พ.ย. 68 ว่า กระทรวงการคลังกำลังติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี และปัจจัยเสี่ยงใหม่จากความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจ
โดยสัญญาณบวกในเดือน พ.ย. 68 มาจาก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.2 จากระดับ 51.9 ในเดือนก่อน โดยได้รับอานิสงส์โดยตรงจากมาตรการรัฐ อาทิ โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเข้ามาช่วยพยุงความรู้สึกของผู้บริโภคในช่วงที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงยังหดตัวลึกถึง -12.8%
อย่างไรก็ดี ภาคการบริโภคจริงยังมีความเปราะบาง สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่ลดลง -6.8% ขณะที่ยอดรถยนต์นั่งแม้จะโต 15.4% เมื่อเทียบรายปี แต่เมื่อเทียบรายเดือนหลังขจัดผลทางฤดูกาลกลับหดตัวลง -4.6% แสดงให้เห็นว่าแรงส่งจากการบริโภคยังไม่แข็งแรงพอ และต้องรอดูผลของมาตรการกระตุ้นว่าจะส่งผลต่อเนื่องได้นานเพียงใด
จับตาปมขัดแย้งชายแดน ฉุดท่องเที่ยว
ประเด็นที่น่ากังวลและต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งผู้บริโภคเริ่มแสดงความกังวลผ่านผลสำรวจความเชื่อมั่น สอดคล้องกับตัวเลข ภาคการท่องเที่ยว ที่เริ่มแผ่วลง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดือน พ.ย. 68 มีจำนวน 2.91 ล้านคน ลดลง -7.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ถือเป็นสัญญาณเตือนในช่วงที่ควรจะเป็น High Season ขณะที่ท่องเที่ยวในประเทศจำนวน 23.1 ล้านคน โดยมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัวเพียง 0.1%
ทั้งนี้ สศค. ประเมินว่า หากสถานการณ์ชายแดนยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบซ้ำเติมภาคการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน ซึ่งเป็นเส้นเลือดฝอยสำคัญของเศรษฐกิจภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความผันผวน ภาคการส่งออกยังคงทำหน้าที่เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก โดยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 มูลค่าแตะ 27,445.6 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 7.1% โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีที่เติบโตก้าวกระโดด
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี เงินเฟ้อทั่วไปติดลบที่ 0.49% หนี้สาธารณะอยู่ที่ 65.2% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ในกรอบวินัยการคลัง
ส่วนตลาดทุนแม้ต่างชาติจะขายสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปีกว่า 1.05 แสนล้านบาท แต่รายย่อยในประเทศยังคงเชื่อมั่น ซื้อสุทธิพยุงตลาดไว้กว่า 1.55 แสนล้านบาท







