สมอ. ดีเดย์ 1 ม.ค. 69 บังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 รถบัส-รถบรรทุก เครื่องยนต์เบนซิน

กระทรวงอุตสาหกรรม โดย "สมอ." ดีเดย์ 1 ม.ค. 2569 บังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 สำหรับ "รถบัส-รถบรรทุก" ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า มติ ครม. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมบังคับใช้มาตรฐานการควบคุมปริมาณสารมลพิษที่ปล่อยออกมาจากยานยนต์ไม่ให้เกินเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาว รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อเอื้อให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ ที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาดให้ทัดเทียมกับกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ประกาศบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 แล้ว สมอ. ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา และเร็วๆ นี้ จะบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 กับรถบัสและรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนชิน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 นี้เป็นต้นไป โดย สมอ. ได้เตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการในการยื่นขออนุญาตไปแล้วกว่า 140 ราย เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ ผ่านมา ซึ่งขณะนี้มีผู้นำเข้ารถบัสและรถบรรทุกที่ใช้เครื่องยนต์เบนชิน ยื่นขออนุญาตในระบบ E-license แล้ว 5 ราย สำหรับความคืบหน้าในการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 สำหรับรถยนต์ประเภทอื่น ๆ ดังนี้
นอกจากการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศแล้ว สมอ. ยังได้ดำเนินงานด้านการมาตรฐานเพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้ พร้อมรับกับการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ EV อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งปัจจุบัน สมอ. มีมาตรฐาน EV แล้ว จำนวน 198 มาตรฐาน พร้อมทั้งส่งเสริมผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมนำมาตรฐานดังกล่าวไปใช้ เช่น มาตรฐานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า เต้าเสียบ เต้ารับ เต้ารับต่อยานยนต์และเต้าเสียบยานยนต์ ระบบไฟเตือนการห้ามล้อฉุกเฉิน ระบบจอดรถอัตโนมัติ ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถอัตโนมัติ และระบบลดความเสียหายจากการชนด้านหน้า เป็นต้น
“ในอนาคต ยุโรปมีเป้าหมายในการควบคุมมลพิษจากยานยนต์ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยพัฒนามาตรฐาน ยูโร 7 ต่อยอดจากมาตรฐานยูโร 6 เพื่อควบคุมมลพิษจากยานยนต์ทุกประเภท ทั้งเบนซิน ดีเซล และไฟฟ้า โดยเน้นการลดมลพิษจากท่อไอเสีย เช่น ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ และมลพิษที่ไม่ใช่ไอเสีย เช่น ฝุ่นจากเบรกและยาง ควบคู่ไปกับการกำหนดมาตรฐานความทนทานของแบตเตอรี่ EV โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศและครอบคลุมตลอดอายุการใช้งานจริงของรถ ซึ่งจะเริ่มทยอยบังคับใช้มาตรฐานยูโร 7 ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ซึ่งภาคอุตสาหกรรมของไทยต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น”







