'อนุทิน' ผนึก 4 กระทรวง ใช้ดาวเทียม-AIดัน 'ตัดอ้อยสด 100%' สกัด PM2.5

"อนุทิน" ผนึกกำลัง 4 กระทรวง ดัน “ตัดอ้อยสด 100%” สกัด PM2.5 ใช้ "ดาวเทียม-AI" คุมเผา ยกระดับอุตสาหกรรมน้ำตาลสีเขียว พร้อมอุดหนุนงบประมาณชดเชยราคาอ้อยตกต่ำ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการควบคุมการเผาอ้อยและพืชไร่ เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า ปัญหา PM2.5 เป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับสุขภาพประชาชนและทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ
รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วน ทั้งด้านงบประมาณ เทคโนโลยี และกลไกเชิงนโยบาย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเกษตรกร ซึ่งต้องเปรียบเสมือน “ฟันเฟืองเดียวกัน” หากทุกส่วนทำงานสอดประสาน จะช่วยลดมลพิษควบคู่กับการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรในระยะยาว
PM2.5 ไทยยังเกินมาตรฐานโลก - เผาอ้อยอีกต้นตอ
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รายงานคุณภาพอากาศโลกของ IQAir ระบุว่า ค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 รายปีของประเทศไทยอยู่ที่ราว 19.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าเกณฑ์องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่กำหนดไม่เกิน 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สะท้อนว่าปัญหาฝุ่นยังคงส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยการเผาอ้อยเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก
ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้ยกระดับมาตรการลดการเผาอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น 5 ยุค ตั้งแต่ยุคที่ไม่มีมาตรการชัดเจนซึ่งพบอ้อยเผาสูงกว่า 60% จนถึงยุคปัจจุบัน (ปีการผลิต 2568/2569) ที่ใช้มาตรการแบบเข้มข้นทั้งเชิงแรงจูงใจ กำกับควบคุม และบังคับใช้กฎหมาย ส่งผลให้ปริมาณอ้อยสดเข้าหีบช่วงวันที่ 1–24 ธันวาคม 2568 สูงถึง 98.21% สูงกว่าเป้าหมายทั้งฤดูที่ตั้งไว้ 90%
สำหรับยุคที่ 5.0 กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมต่อยอดความสำเร็จ ด้วยแนวคิดจ่ายเงินสนับสนุนตามประสิทธิภาพการผลิต ควบคู่การใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม ข้อมูลแรงกดอากาศและทิศทางลม เพื่อควบคุมการเผาอ้อยเชิงพื้นที่อย่างแม่นยำ บนฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์และดิจิทัล
อัดแพ็กเกจช่วยเกษตรกร รับมือราคาอ้อยลด
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จะเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนมาตรการเพิ่มอ้อยตัดสด ลดการเผา ร่วมกับเกษตรกร โรงงานน้ำตาล และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
ท่ามกลางราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต 2568/2569 ที่กำหนดไว้ 890 บาทต่อตัน ต่ำกว่าปีก่อนที่ 1,160 บาท รัฐบาลจึงออกแพ็กเกจช่วยเหลือเพื่อพยุงรายได้เกษตรกร อาทิ เงินสนับสนุนอ้อยสด 100% 69 บาทต่อตัน เงินช่วยค่าเครื่องจักร 31 บาทต่อตัน เงินส่วนเพิ่มจากโรงงาน 40 บาทต่อตันใน 6 เขตการผลิต การรับซื้อใบอ้อยในราคา 300 บาทต่อตัน และการส่งเสริมให้โรงงานปรับปรุงหม้อต้มใช้ใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิงอย่างน้อย 20% พร้อมมาตรการทางภาษีรองรับ
มหาดไทยคุมพื้นที่ อว.ใช้ดาวเทียม "ดีอี" ดัน AI วิเคราะห์
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า จะใช้กลไกระดับจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ปราบปรามการลักลอบเผา พร้อมรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่ชุมชน
ด้านศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ระบุว่า จะนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและดาวเทียมความละเอียดสูงมาใช้ตรวจจับจุดความร้อนแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง และคาดการณ์การแพร่กระจายของฝุ่น PM2.5 เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายและการตัดสินใจเชิงนโยบาย
ขณะที่นายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า จะประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมการเผาอ้อย สร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้า และเชื่อมโยงข้อมูลทุกหน่วยงานบนแพลตฟอร์มเดียว
ยกระดับอ้อยไทย สู่ความยั่งยืนทั้งเศรษฐกิจ-สิ่งแวดล้อม
ความร่วมมือครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นกลไกเชิงนโยบายสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยสู่ความยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน ควบคู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรและอุตสาหกรรมในระยะยาว







