ก.พ.ร. ยกเลิกเรียกเอกสาร 58 รายการ จาก 30 หน่วยงาน ตอบโจทย์ 'ภาครัฐลดภาระประชาชน'

ก.พ.ร. มุ่งเป้า “ภาครัฐต้องลดภาระประชาชน” ยกเลิกเรียกเอกสาร 58 รายการ เตรียมปรับกฎหมาย
ปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้หน่วยงานทำงานบนระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ นำมาตรฐานสากลของ OECD มาเป็นแนวทางหลักในการปรับปรุง
วันที่ 24 ธันวาคม 2568 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เพื่อพิจารณาแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐไม่เรียกเอกสารจากประชาชนในการติดต่อราชการ
โดยตั้งเป้ายกเลิก 58 รายการเอกสาร จาก 30 หน่วยงาน ภายใน 1 ปี ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและภาคธุรกิจในการติดต่อราชการ
ที่ประชุมได้เสนอแนวทางการลดภาระประชาชนในการติดต่อราชการ โดยให้หน่วยงานภาครัฐเร่งเชื่อมโยงข้อมูล
ผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ (Government Data Exchange: GDX) เพื่อสามารถดึงข้อมูลที่รัฐเป็นผู้ออกให้ประชาชน มาใช้ได้ โดยประชาชนไม่ต้องนำเอกสารมายื่นอีก ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลสำคัญพร้อมใช้งานบน GDX แล้วกว่า 31 รายการ
เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สูติบัตร ใบมรณบัตร ทะเบียนสมรส หนังสือรับรองนิติบุคคล ใบทะเบียนพาณิชย์ เล่มทะเบียนรถ และใบขับขี่
แม้ว่าหลายหน่วยงานได้เชื่อมต่อกับระบบ GDX แล้ว แต่ยังคงพบกรณีที่เรียกเอกสารจากประชาชนอยู่ โดยไม่ได้นำข้อมูลจาก GDX มาใช้ จึงเห็นชอบให้เร่งดำเนินการตามแนวทาง ดังนี้
กรณีที่ 1 : งานบริการที่ต้องใช้ข้อมูลที่มีในระบบ GDX แล้ว จำนวน 31 รายการ
- หน่วยงานที่ได้เชื่อมกับระบบ GDX อยู่แล้ว ให้ใช้ข้อมูลจาก GDX ในการพิจารณาคำขอของประชาชนทันที โดยยกเลิกการเรียกเอกสารจากประชาชนให้เสร็จภายใน 6 เดือน
- หน่วยงานที่ยังไม่เชื่อมต่อกับ GDX ต้องเชื่อมโยงระบบให้เสร็จภายใน 6 เดือน และปรับวิธีการทำงาน
เพื่อใช้ข้อมูลจาก GDX ในการพิจารณาคำขอโดยไม่เรียกเอกสารจากประชาชนให้เสร็จภายใน 1 ปี
กรณีที่ 2 : งานบริการที่ต้องการใช้ข้อมูลแต่ยังไม่มีในระบบ GDX จำนวน 27 รายการ โดยหน่วยงานเจ้าของข้อมูลต้องนำข้อมูลขึ้นระบบ GDX ให้เสร็จภายใน 1 ปี เพื่อให้หน่วยงานอื่นสามารถเชื่อมโยงข้อมูลไปใช้ได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาการยกระดับกฎหมายดิจิทัลสู่มาตรฐานสากล โดย ก.พ.ร. ได้มีมติให้เร่งปรับปรุงพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 โดยไม่ต้องรอรอบการประเมินผล 5 ปี
โดยนำมาตรฐานสากลของ OECD มาเป็นแนวทางหลักในการปรับปรุง เช่น การกำหนดให้บริการภาครัฐเป็นดิจิทัลตั้งแต่ต้น
(Digital by Design) โดยคาดการณ์ความต้องการของประชาชนล่วงหน้าและให้บริการภาครัฐได้อย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องรอให้ร้องขอ รวมถึงการผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐทั้งหมดประกาศช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และใช้ระบบ e-Office ในการเบิกจ่ายและรับส่งเอกสาร เพื่อให้การทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสะดวกรวดเร็วแก่ประชาชนผู้รับบริการมากที่สุด
การประชุมครั้งนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของ ก.พ.ร. ที่เน้นย้ำให้หน่วยงานรัฐต้องตระหนักและปรับตัวให้ทันโลกดิจิทัล บนหลักการว่า “ความสะดวกของประชาชนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นหน้าที่ที่รัฐต้องจัดให้มี” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ทัดเทียมสากลอย่างยั่งยืน







