'เอกนิติ' กางแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ '10 Plus' พลิกโฉมประเทศไทย GDP โตเกิน 3% ลงทุนพุ่ง 30%

'เอกนิติ' กางแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ '10 Plus' พลิกโฉมประเทศไทย GDP โตเกิน 3% ลงทุนพุ่ง 30%

“เอกนิติ” กางแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “10 Plus” พลิกโฉมประเทศไทย พร้อมดันจีดีพีโตเกิน 3% ใน 4 ปี ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 30% ของ GDP เน้นอุตสาหกรรมอนาคต เช่น EV, AI และ Wellness ลดค่าไฟกลุ่มรายได้น้อยต่ำกว่า 3 บาทต่อหน่วย ชูผลงาน 73 วันแรกดึงเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุด เชื่อGDP ไตรมาส4 ปีนี้โตเกิน 1%

KEY

POINTS

  • “เอกนิติ” กางแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “10 Plus” พลิกโฉมประเทศไทย พร้อมดันจีดีพีโตเกิน 3% ใน 4 ปี
  • ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 30% ของ GDP เน้นอุตสาหกรรมอนาคต เช่น EV, AI และ Wellness
  • ลดค่าไฟกลุ่มรายได้น้อยต่ำกว่า 3 บาทต่อหน่วย
  • ชูผลงาน 73 วันแรกดึงเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุด เชื่อGDP ไตรมาส4 ปีนี้โตเกิน 1%

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวในงานแถลงนโยบายพรรคภูมิใจไทย วันนี้ (24 ธ.ค.) ว่าในการการดำเนินงานของทีมเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาได้ทำภารกิจหลักคือการ “พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยตามที่ได้รับการมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยเศรษฐกิจไทยเปรียบเสมือนรถยนต์ที่ติดหล่มอย่างหนัก ซึ่งในช่วงรอยต่อไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยดิ่งลงจาก 3.2% เหลือเพียง 1.2% และหากไม่มีมาตรการรองรับอาจลดต่ำลงเหลือเพียง 0.3% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินนโยบายในช่วง 73 วันแรก หรือไม่ถึง 3 เดือนดี  ได้มีการทำนโยบายผ่านยุทธศาสตร์ “Quick Big Win” เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส โครงการเที่ยวดีมีคืน การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ (Front-load) และมาตรการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ เพื่อชุบชีวิต SME ทำให้เศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่มและมีสัญญาณคึกคักขึ้นชัดเจน โดยคาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 1%  (1%Plus) นอกจากนี้ยังสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก โดยสามารถทำให้ Moody’s ซึ่งเป็นสถานบันจัดเครดิตเรตติ้งระดับโลกคงอันดับความน่าเชื่อถือและมุมมองเสถียรภาพของไทยไว้ในระดับปกติได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นผลงานที่สำคัญของรัฐบาล

นายเอกนิติกล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในอีก 4 ปีข้างหน้า จะใช้แนวทาง “เศรษฐกิจ 10 Plus” เพื่อผลักดันการเติบโตให้ไม่ต่ำกว่า 3% หรือคือนโยบาย 3%Plus โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ 5 Plus เพื่อความทั่วถึงและ 5 Plus เพื่อคุณภาพ

โดย 5 Plus เพื่อความทั่วถึง จะมุ่งเน้นเศรษฐกิจฐานรากและคนตัวเล็ก  โดยจะมุ่งปฏิรูปบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ทั่วถึง ลดค่าไฟไม่เกิน 3 บาท/หน่วย (ใช้ไฟไม่เกิน 200 หน่วย)สำหรับรายย่อย และส่งเสริมการออมผ่าน พันธบัตรออม Plusและบัญชีออมส่วนบุคคล  (TISA)ที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้

ส่วนนโยบาย สูงวัย Plus จะเปลี่ยนผู้สูงอายุเป็นพลังที่มีทักษะ มีงาน มีเงิน และมีคนดูแลผ่านการใช้บัญชีเกษียณส่วนบุคคล  ส่วนนโยยบายชุมชน Plusจะกระจายความมั่งคั่งสู่ภูมิภาคผ่านการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักภาษีได้ 2 เท่า

การศึกษาเท่าเทียม Plus นโยบายเรียนฟรีมีงานทำ และสร้างแพลตฟอร์ม Skill Bridgeเชื่อมโยงทักษะแรงงานให้ตรงกับความต้องการของเอกชน  นอกจากนั้นยังมีนโยบาย Made in Thailand SME Plus ที่จะเติมทุนดอกเบี้ยต่ำผ่านกลไกค้ำประกันสินเชื่อใหม่ และให้แต้มต่อ SME ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย

ส่วนนโยบาย 5 Plus เพื่อคุณภาพ เป็นการยกเครื่องการลงทุนและเทคโนโลยี โดยการลงทุน Plus จะตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 30% ของ GDP ภายใน 4 ปี เน้นอุตสาหกรรมอนาคต เช่น EV, AI และ Wellness พร้อมใช้กองทุน Thailand Future Fundที่มีอยู่มาระดมทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ

นอกจากนั้นยังมีนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว Plus ที่มุ่งสู่ Net Zero ด้วยพลังงานสะอาด เช่น Solar Rooftop/Farm และการสร้าง “ตลาดคาร์บอนเครดิต” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก ส่วนนโยบาย AI Plus จะนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มรายได้ประชาชน โดยพบว่าโครงการที่ใช้ AI ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าสามารถเพิ่มรายได้ให้พวกเขาได้ถึง 5-6 เท่า

ส่วนนโยบายเทรด (Trade) Plus จะใช้เศรษฐกิจนำการทูต ค้าขายอย่างฉลาด และยึดตลาดโลกด้วยพันธมิตร  และนโยบายไทยแลนด์ (Thailand) Plus เราจะเน้นการปฏิรูปกฎระเบียบภาครัฐให้ สามารถเร่งรัด ฉับ ไว เพื่อดึงดูดการลงทุน เช่น โครงการ Thailand Fast Track ที่พร้อมผลักดันการลงทุนกว่า 4.7 แสนล้านบาทได้ทันทีจากโครงการที่มีความพร้อมที่จะลงทุนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการทำงานควบคู่กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ได้มีการทำนโยบาย Thailand Fast Pass ไว้รองรับแล้ว

 

“เศรษฐกิจไทยเหมือนรถยนต์ที่เก่าและติดไฟแดงบ่อยจากกฎระเบียบที่ล้าสมัย เราต้องยกเครื่องใหม่ เร่งการลงทุนในอุตสาหกรรมที่สำคัญ และเพิ่มทักษะใหม่ๆให้แรงงาน เปลี่ยนทักษะคนขับ และนำ AI มาใช้ เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพและยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะทำได้จริงในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า” นายเอกนิติ กล่าว