'คลัง’ เล็งเก็บ ‘ภาษีธุรกิจเฉพาะ’ เทรดทองออนไลน์ สกัดเก็งกำไร

'คลัง’ เล็งเก็บ ‘ภาษีธุรกิจเฉพาะ’ เทรดทองออนไลน์ สกัดเก็งกำไร

“คลัง” เตรียมออกประกาศกรมสรรพากร เรียกดูข้อมูลธุรกรรมจากแพลตฟอร์ม เทรดทองออนไลน์ พร้อมพิจารณาเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ สกัดซื้อขายทองเก็งกำไร สาเหตุหลักทำค่าเงินบาทแข็ง

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาในรายละเอียดเรื่องการจัดเก็บ ภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับการซื้อขายทองคำที่มีลักษณะเป็นการเก็งกำไร โดยเบื้องต้นจะใช้อำนาจตามกฎหมายในการออกประกาศกรมสรรพากร เพื่อกำหนดให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายทองคำออนไลน์ต้องทำบัญชี และส่งข้อมูลการซื้อขายมาให้กรมสรรพากรตรวจสอบ เช่นเดียวกับที่แพลตฟอร์มส่งอาหาร (Food Delivery) หรือแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ทำอยู่ในปัจจุบัน

ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า การซื้อขายผ่านร้านทองที่มีการส่งมอบทองจริงมีสัดส่วนเพียง 15-20% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกกว่า 80% เป็นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเสรี และมีปริมาณสูงมากกว่าการเทรดหุ้นในตลาด ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวไม่มีหน่วยงานเข้ามากำกับดูแล ดังนั้นการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจะเป็นการเพิ่มแรงเสียดทาน และเพิ่มเงื่อนไขให้มีการชะลอการทำธุรกรรมลง

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า การออกประกาศกรมสรรพากรจะสามารถดำเนินการได้เร็ว หลังผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้เมื่อรับทราบข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มแล้ว หากพบว่ามีปริมาณการเก็งกำไรที่สูงเกินควร ก็จะนำข้อมูลมาพิจารณาเรื่องความเหมาะสมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ซื้อรายย่อย 

"มาตรการเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปที่ซื้อทองคำรูปพรรณเพื่อสวมใส่ หรือซื้อทองคำแท่งเพื่อการออม และเก็บสะสมทรัพย์สิน  รวมถึงจะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการร้านทองตู้แดงที่ทำธุรกิจตามปกติ แต่จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการเก็งกำไรระยะสั้นปริมาณมหาศาลโดยไม่มีการส่งมอบทองจริงเท่านั้น"

'คลัง’ เล็งเก็บ ‘ภาษีธุรกิจเฉพาะ’ เทรดทองออนไลน์ สกัดเก็งกำไร

ปัจจุบัน ปริมาณการซื้อขายทองคำในแต่ละวันมีมูลค่ารวมสูงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในบางช่วงเวลามีปริมาณการซื้อขายสูงในระดับที่ใกล้เคียงกับปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และส่งผลให้กลุ่มบริษัททองคำเข้าซื้อขายเงินดอลลาร์ในสัดส่วนที่สูงขึ้นมาก

ทั้งนี้ ธุรกรรมซื้อขายทองคำที่เกิดขึ้นบางครั้งเกิดการขายเงินดอลลาร์สุทธิมากถึง 40-50% ของปริมาณการขายเงินดอลลาร์สุทธิของทั้งประเทศในช่วงนั้นๆ จึงส่งผลกดดันโดยตรงต่อค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นเร็ว ส่งผลกดดันให้เงินบาทแข็งค่าเร็วนำสกุลภูมิภาค และผันผวนไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ 

โดยที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผลักดันให้การซื้อขายทองคำไปอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์ เพื่อลดผลกระทบต่อค่าเงินบาท รวมทั้งได้เพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัททองคำ และให้กลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่รายงานข้อมูลการทำธุรกรรมซื้อขายทองคำโดยละเอียด อย่างไรก็ดี ผลต่อค่าเงินบาทจากธุรกรรมของบริษัททองคำยังคงสูงต่อเนื่อง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์