ครม.ไฟเขียวถอนนร่าง พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน หลังกฤษฎีกาติงเกณฑ์ใช้เงินกองทุนฯ

ครม.ไฟเขียวถอนนร่าง พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน หลังกฤษฎีกาติงเกณฑ์ใช้เงินกองทุนฯ

ครม.ไฟเขียวถอนนร่าง พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตฯเป้าหมาย หลังกฤษฎีกาติงให้ปรับกลไกใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง จาก ร่างกม.เดิม ให้อำนาจ คกก.ใช้มาตรการ Top Up Tax ในการดึงการลงทุนได้ หวั่นกระทบการใช้งบประมาณในอนาคต

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่าที่ประชุม ครม.วันนี้เห็นชอบถอน ร่าง พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่..) พ.ศ... เนื่องจากในขั้นตอนการตรวจสอบร่างกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการทักท้วงว่าควรนำร่างกฎหมายนี้มาปรับกลไกใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับ พรบ.วินัยการเงินการคลัง 

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในฐานะหน่วยงานหลักที่จัดทำร่างกฎหมายฉบับนี้จึงเสนอขอถอนร่างกฎหมายนี้ออกจากชั้นการพิจารณาของ ครม.ก่อนเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายใหม่ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และจะนำกลับมาเสนอ ครม.อีกครั้งในรัฐบาลต่อไป
ก่อนหน้านี้บีโอไอได้มีการเสนอร่างพ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีสาระสำคัญคือกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีอำนาจให้สิทธิและประโยชน์ในรูปแบบเครดิตภาษีและกำหนดกลไกในการคืนเครดิตภาษีที่เหลืออยู่ในรูปแบบเงินสดภายในระยะเวลาที่กำหนดนับจากวันที่กำหนด

รวมถึงขอรับจัดสรรงบประมาณที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับการจ่ายคืนเครดิตภาษีที่เหลืออยู่ดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการบรรเทาผลกระทบจากมาตรการการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม (Top-Up Tax) และเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยเสียโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายต่อไป ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวได้มีการแจ้งให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบแล้วในคราวการประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ครั้งที่ 3/2568เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2568 ที่ผ่านมา

ซึ่งที่ประชุมฯมีมติให้บีโอไอขอถอนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจาก ครม.เพื่อนำกลับมาทบทวนความเหมาะสมให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลปัจจุบันและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการบรรเทาผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทำให้ประเทศไทยยังคงมีความสามารถในการแข่งขันเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และให้บีโอไอพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายโดยเร็วต่อไป