อียูผุด‘กองทุนCBAM’สกัดอุตฯ180รายการ ย้ายฐานซบแหล่งไร้ต้นทุนภาษีคาร์บอน

มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism:CBAM) เป็นมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญยิ่งต่อการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป(อียู) ว่าด้วย ความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศภายในปี 2050 ซึ่งพัฒนาขึ้นตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงปารีส
ในขณะที่ ETS (Emissions Trading System)คือระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ได้กำหนดราคาการผลิตคาร์บอนภายในสหภาพยุโรปไว้แล้ว และCBAM ก็กำหนดราคาสำหรับผู้ผลิตที่ขายสินค้าภายในยุโรปแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ CBAM เปิดตัวในระยะเปลี่ยนผ่านในเดือนต.ค. 2566 ซึ่งช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างคาดการณ์ได้และเหมาะสมสำหรับธุรกิจในสหภาพยุโรปและนอกสหภาพยุโรป โดยหลังจากระยะเปลี่ยนผ่านสองปี ก็จะมีการการปรับราคาทางการเงินของ CBAM และจะทยอยนำมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ซึ่งจะสอดคล้องกับการทยอยยกเลิกโควตาฟรีภายใต้ EU ETS ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในปี 2577
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการ ยังได้เผยแพร่รายงานทบทวนประสบการณ์ในการดำเนินงานตามกรอบ CBAM ในช่วงเปลี่ยนผ่านคือตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 ถึงสิ้นปี 2568 โดยประเมินผลงานของ CBAM ในการแก้ไขปัญหาการรั่วไหลของคาร์บอนและส่งเสริมการกำหนดราคาคาร์บอนในระดับโลก และตรวจสอบการกำกับดูแล การบริหาร และการบังคับใช้ รวมถึงมิติระหว่างประเทศของ CBAM ด้วย
ผลการศึกษาพบว่า CBAM เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนในประเทศนอกสหภาพยุโรป ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการเผยแพร่และการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการ นอกจากนี้ รายงานยังได้กำหนดแผนงานการดำเนินการและมาตรการที่เกี่ยวข้องที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะมีระบบที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
ข้อมูลจากเวบไซด์คณะกรรมาธิการยุโรป(The European Commission) ได้เสนอมาตรการเพื่ออุดช่องโหว่ ป้องกันการหลีกเลี่ยง และเสริมสร้างประสิทธิภาพของกลไกCBAM เพื่อตอบสนองต่อข้อเสนอแนะที่ได้รับจากภาคอุตสาหกรรม
โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2571 ขอบเขตของ CBAM จะขยายไปรวมถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่ใช้เหล็กและอะลูมิเนียมในปริมาณมากเป็นพิเศษ ดังนั้น คณะกรรมาธิการจึงเสนอมาตรการเพื่ออุดช่องโหว่ ป้องกันการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยการนำโครงการสนับสนุนชั่วคราวมาใช้เพื่อปกป้องผู้ผลิตในสหภาพยุโรป โดยให้รางวัลแก่บริษัทที่สะอาดกว่าทั่วโลกและส่งเสริมสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่เป็นธรรม
“ข้อเสนอนี้ยังคำนึงถึงข้อกังวลที่ยกขึ้นโดยพันธมิตรระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการลดความซับซ้อนและความยืดหยุ่นบางประการ โดยนำแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมกันในภาษีคาร์บอนและการหักราคา มาคำนวนใช้ รวมถึงข้อกำหนดใหม่ที่อนุญาตให้มีการเจรจามาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น การยอมรับร่วมกันของหน่วยงานรับรองที่น่าเชื่อถือ และสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆเกี่ยวกับการเทียบเท่าของการหักราคาคาร์บอน”
คณะกรรมาธิการ ชี้ว่า มาตรการต่างๆจะช่วยเสริมสร้างบทบาทของ CBAM ในการส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนนอกเขตแดนของสหภาพยุโรป โดยได้รับการสนับสนุนจากการเผยแพร่และการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค ปัจจุบันกลไกการปรับภาษีคาร์บอนชายแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) มุ่งเป้าไปที่วัสดุพื้นฐาน เช่น อลูมิเนียม ซีเมนต์ ไฟฟ้า และเหล็ก
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2571 เป็นต้นไป ผู้นำเข้าจะต้องจ่ายราคาคาร์บอนสำหรับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ผูกติดกับสินค้าเหล่านี้ ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันกับวัสดุที่ผลิตในสหภาพยุโรปซึ่งอยู่ภายใต้ระบบการซื้อขายETS
แม้ว่าสิ่งนี้จะช่วยป้องกันการรั่วไหลของคาร์บอน แต่ก็เพิ่มต้นทุนสำหรับผู้ผลิตในสหภาพยุโรปที่ใช้วัสดุเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ เช่น เครื่องซักผ้า การผลิตอาจย้ายไปยังประเทศที่มีนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่อ่อนแอกว่า หรือสินค้าของสหภาพยุโรปอาจถูกแทนที่ด้วยสินค้านำเข้าที่มีคาร์บอนสูง
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ คณะกรรมาธิการวางแผนที่จะขยายขอบเขตของ CBAM ให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่ใช้เหล็กและอะลูมิเนียมในปริมาณมากถึง 180 อุตสาหกรรมเช่น เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการปล่อยมลพิษจะลดลง แทนที่จะย้ายไปปล่อยที่อื่น
สินค้าปลายน้ำที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ถึง 94% เป็นผลิตภัณฑ์ในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมที่มีส่วนประกอบของเหล็กและอะลูมิเนียมสูง (โดยเฉลี่ย 79%) ซึ่งใช้ในเครื่องจักรหนักและอุปกรณ์เฉพาะทาง เช่น ชิ้นส่วนยึดโลหะพื้นฐาน กระบอกสูบ หม้อน้ำอุตสาหกรรม หรือเครื่องจักรสำหรับการหล่อ ส่วนน้อย 6% เป็นสินค้าใช้ในครัวเรือน ผู้ผลิตสินค้าปลายน้ำดังกล่าวในสหภาพยุโรปอาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับวัสดุเหล็กและอะลูมิเนียมที่ใช้ในกระบวนการผลิต
จากบทเรียนช่วงเปลี่ยนผ่านต่างๆทำให้ คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังเสริมสร้างกลยุทธ์เพื่อต่อสู้กับความเสี่ยงจากการหลีกเลี่ยงที่ระบุไว้ใน ‘แผนปฏิบัติการเหล็กและโลหะ’ และการปรึกหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อส่งเสริมการใช้เศษวัสดุเหลือใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานสูง
โดยคณะกรรมาธิการกำลังรวมเศษอลูมิเนียมและเหล็กก่อนการบริโภคเข้าไว้ในการคำนวณ CBAM ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าราคาคาร์บอนมีความเป็นธรรมสำหรับสินค้าทั้งที่ผลิตในสหภาพยุโรปและสินค้านำเข้า
สำหรับข้อเสนอสำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงข้อกำหนดการรายงานเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับสินค้า CBAM ได้ดียิ่งขึ้น และแก้ไขปัญหาการแจ้งข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ไม่ถูกต้อง คณะกรรมาธิการได้รับอำนาจในการจัดการกับการละเมิดโดยอาศัยหลักฐานเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางการเงินของ CBAM โดยกำหนดให้ต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมเมื่อค่าจริงไม่น่าเชื่อถือ และใช้ค่าของประเทศเป็นค่าเริ่มต้นในกรณีเฉพาะดังกล่าว
จาก สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น คณะกรรมาธิการยุโรปได้จัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนผู้ผลิตสินค้า CBAM ในสหภาพยุโรปเป็นการชั่วคราวและบรรเทาความเสี่ยงจากการรั่วไหลของคาร์บอน (a fund to temporarily support EU producers of CBAM goods and mitigate carbon leakage risks) ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดประเทศที่สาม ที่สินค้าของสหภาพยุโรปอาจถูกแทนที่ด้วยสินค้าทางเลือกที่ถูกกว่าและปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า ซึ่งอาจเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก
ในส่วนกองทุนนี้จะชดเชยค่าใช้จ่ายด้านคาร์บอนของระบบการซื้อขายสิทธิ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป (EU-ETS) บางส่วนสำหรับสินค้าที่ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากการรั่วไหลของคาร์บอน โดยการสนับสนุนจะขึ้นอยู่กับความพยายามในการลดการปล่อยคาร์บอนที่แสดงให้เห็นได้จริง
การจัดหาเงินทุนจะมาจากเงินสมทบของประเทศสมาชิก ซึ่งคิดเป็น 25% ของรายได้จากการขายใบรับรอง CBAM ในปี 2569 และ 2570 ในขณะที่อีก 75% ที่เหลือจะเป็นทรัพยากรของสหภาพยุโรปเอง







