ธุรกิจ 'โลจิสติกส์-เกม-ดูแลผู้สูงวัย' มาแรง เตือน 'ค้าความงาม-รถมือสอง' เสี่ยง

ธุรกิจ 'โลจิสติกส์-เกม-ดูแลผู้สูงวัย' มาแรง เตือน 'ค้าความงาม-รถมือสอง' เสี่ยง

สสว. ชี้โลจิสติกส์–เกม–ดูแลผู้สูงอายุมาแรง เตือนค้าความงาม–รถมือสองเสี่ยงสูง ย้ำเทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ “ทางรอด” SME ไทย

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์ SME ประจำปี 2568 พร้อมฉายภาพ “กลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง–กลุ่มธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวัง” เพื่อเป็นเข็มทิศให้ผู้ประกอบการเตรียมรับมือปี 2569 ภายในงานสัมมนาวิชาการ “SME Symposium 2025” ภายใต้แนวคิด “Smart Firm Smart Move ก้าวสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี พลิกโฉม SME ไทย สู่โลกดิจิทัล” ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

 

 

 

ทั้งนี้ ปี 2568 สสว. มุ่งกระตุ้นให้ SME เร่งนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางความท้าทายจากเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

SME ยังเป็น “ฐานเศรษฐกิจหลัก”

ภาพรวม SME ไทยยังคงเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจ ในปี 2567 มีผู้ประกอบการ SME จำนวน 3.26 ล้านราย คิดเป็น 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งหมด เพิ่มขึ้น 0.9% จากปีก่อน โดยเป็นธุรกิจรายย่อยถึง 84% ขณะที่โครงสร้าง SME ส่วนใหญ่อยู่ในภาคการค้า รองลงมาคือภาคบริการและภาคการผลิต

ด้านการจ้างงาน SME มีการจ้างงานสูงถึง 13.4 ล้านคน หรือ 68.8% ของการจ้างงานรวมทั้งประเทศ โดยภาคบริการเป็นแหล่งจ้างงานหลัก คิดเป็น 44.8%

ขณะเดียวกัน SME GDP ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 มีมูลค่า 4.8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34.8% ของ GDP ประเทศ ขยายตัว 2.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคบริการสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด สสว. คาดว่า SME GDP ทั้งปี 2568 จะขยายตัว 2.5% และในปี 2569 จะเติบโตในกรอบ 2.0–2.8% จากแรงหนุนการส่งออก การท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และเงินเฟ้อต่ำ

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ หนี้ครัวเรือนระดับสูง สินค้านำเข้าทะลักจากต่างประเทศ และภัยธรรมชาติ

ส่งออกยังพอไปได้ แต่พึ่งจีนสูง

ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 SME มีมูลค่าส่งออก 1.33 ล้านล้านบาท คิดเป็น 14.3% ของมูลค่าส่งออกรวม โดยสินค้าหลักคือ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ตลาดส่งออกอันดับหนึ่งยังเป็นสหรัฐฯ สัดส่วน 20.1%

ด้านการนำเข้า มีมูลค่า 1.65 ล้านล้านบาท หรือ 17.2% ของการนำเข้ารวม โดยจีนเป็นแหล่งนำเข้าหลัก คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 46.4%

เปิดธุรกิจดาวรุ่งปี 2569

จากการวิเคราะห์อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย สสว. ระบุว่า กลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง (กำไรขั้นต้นเติบโตเกิน 100%) ได้แก่

  • โลจิสติกส์ รับอานิสงส์อีคอมเมิร์ซ (กำไรขั้นต้นเฉลี่ย +500%)
  • ออกแบบ Artwork และงานสร้างสรรค์ (+430%)
  • อาหารจากสัตว์น้ำ เพื่อบริโภคและส่งออก (+721%)
  • เฟอร์นิเจอร์โลหะ ตอบโจทย์ความคงทน (+110%)
  • วิดีโอเกมและซอฟต์แวร์ ตามไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ (+191%)
  • เครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตร รองรับเกษตรยุคใหม่ (+832%)
  • ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ จากสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ (+241%)

ส่งนธุรกิจที่ต้อง “เฝ้าระวัง”

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจเฝ้าระวัง ซึ่งกำไรขั้นต้นหดตัวแรง ได้แก่

  • ค้าปลีกเครื่องสำอาง แข่งขันสูง–สินค้านำเข้าออนไลน์ (-50%)
  • รถยนต์มือสอง กระทบ EV และราคารถใหม่ (-97%)
  • ผลิตภัณฑ์ยาง แข่งขันด้านราคา (-76%)
  • ที่พักนักเรียน/นักศึกษา จากการเรียน Hybrid (-165%)

TFP ติดลบ สัญญาณเตือน SME

สสว. ชี้ว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างสำคัญคือ ผลิตภาพการผลิตรวม (TFP) ของ SME ที่ลดลงต่อเนื่อง โดยปี 2567 ติดลบ 0.27 สะท้อนการใช้ทรัพยากรเท่าเดิมแต่ได้ผลผลิตน้อยลง สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจชะลอ คำสั่งซื้อหด และข้อจำกัดด้านเงินทุน

ในทางกลับกัน ธุรกิจที่ลงทุนหรือใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมยังสามารถรักษา TFP เป็นบวกได้ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์แร่อโลหะ (+17.61%) และกลุ่มศิลปะและความบันเทิง (+6.83%)

“เทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของ SME หากต้องการอยู่รอดและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน” นางสาวปณิตากล่าว

"สสว." ยืนยันดูแลอุดหนุนเต็มสูบ

สำหรับบทบาทของ สสว. ได้เดินหน้าโครงการสนับสนุนการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ อาทิ SME Academy365, โครงการที่ปรึกษาเพื่อการ Transform ธุรกิจ และโครงการ BDS สนับสนุนงบแบบร่วมจ่าย 50–80% รวมถึงการเข้าถึงบริการทั้งหมดผ่านแอป “SME Connext” ด้วย SME One ID

ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน สสว. เชื่อว่า SME ที่ “เลือกเทคโนโลยีให้ถูก ใช้ให้เป็น” จะยังมีโอกาสเติบโต และเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาสในปี 2569 ได้อย่างแข็งแกร่ง