ปัจจัยเสี่ยงล้อม ‘เศรษฐกิจไทยปี 69’ ส่งออกวูบ-บาทแข็ง-ภัยธรรมชาติ 

ปัจจัยเสี่ยงล้อม ‘เศรษฐกิจไทยปี 69’ ส่งออกวูบ-บาทแข็ง-ภัยธรรมชาติ 

ส.อ.ท.ผวาความเสี่ยงทางเศรษฐกิจทั้งการส่งออกชะลอตัว ค่าเงินบาทแข็ง ภัยธรรมชาติ และรัฐวางแผนรับมือ ขณะที่เอ็กซิมแบงก์มองการส่งออกปีหน้าโตได้แค่ 0-2% ชี้บาทแข็งค่า 1 บาทฉุดกำไร 2%

เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความเสี่ยง และความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยข้อจำกัดในการเติบโตในระยะต่อไปรวมถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากหลายปัจจัย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจผู้ประกอบการจำนวน 1,330 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนพ.ย.2568 พบว่าปัจจัยที่มีความกังวล ได้แก่ เศรษฐกิจภายในประเทศ 61.7% เศรษฐกิจโลก 56.2% นโยบายภาครัฐ 42.3% การเข้าถึงสินเชื่อ 26.4% ราคาพลังงาน 26.2% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 20.4% ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน (โดยเฉพาะในมุมมองของผู้ส่งออก) 49.5%

ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้มีข้อเสนอแนะต่อการบริหารภาครัฐ ได้แก่ 1. เสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ เช่น เร่งให้บริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว กองทุนซ่อมแซมเครื่องจักร และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ยกเว้นภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างสำหรับผู้ประสบอุทกภัย

2. เสนอให้ภาครัฐยกระดับการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และการบริหารจัดการน้ำให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานป้องกันน้ำท่วมเชิงระบบ พัฒนาคลองระบายน้ำ ควบคู่การพัฒนาเทคโนโลยีพยากรณ์ฝน และระบบเตือนภัยล่วงหน้า พัฒนาระบบฐานข้อมูลประชากร และโครงสร้างการบริหารจัดการภัยพิบัติ รวมถึงทบทวนผังเมืองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน และรับมือภัยพิบัติในระยะยาว

และ 3.เสนอให้ภาครัฐพิจารณาการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดโดยตรงระหว่างผู้ผลิต และผู้ใช้พลังงาน (Direct PPA) ไปสู่ยังภาคอุตสาหกรรมอื่น นอกเหนือจากอุตสาหกรรม Data center

นายเกรียงไกร กล่าวถึงปัจจัยลบหลายประการที่กดดันภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรม และบ้านเรือนเป็นวงกว้างก่อให้เกิดความเสียหายประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท ในช่วงเดือน ธ.ค.ปี 2568 และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องในปี 2569 ประมาณ 90,000 ล้านบาท ส่วนการระงับข้อตกลงสันติภาพกับกัมพูชาชั่วคราว ยังทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อออกไป

นอกจากนั้น ค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค อยู่ที่ -5.77% YTD (เทียบอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1 ม.ค. กับ 26 พ.ย.2568) ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบต่อรายได้ และความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย

เอ็กซิมแบงก์ชี้ส่งออกปี 69 ขยายตัวต่ำ

นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกไทยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 13% แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากฐานที่ต่ำในช่วงครึ่งปีแรก และการเร่งส่งออก (Front-loading) 

อย่างไรก็ตาม ปี 2569 คาดการณ์ว่าการส่งออกจะขยายตัวเพียง 0-2% เนื่องจากต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งฐานการส่งออกสูง สงครามการค้า ภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนของค่าเงินบาทซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรของผู้ส่งออก

โดยปัญหาใหญ่ของภาคการส่งออกไทยคือ ปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ส่งออกของไทยแทบไม่เติบโต โดยคงระดับอยู่ที่ประมาณ 27,000 ราย แบ่งเป็นรายใหญ่ประมาณ 6,000 ราย และ SMEs ประมาณ 22,000 ราย

“ความน่ากังวลคือ แม้ SMEs จะมีจำนวนถึงเกือบ 80% ของผู้ส่งออกทั้งหมด แต่กลับสร้างมูลค่าส่งออกได้เพียง 10% ของมูลค่ารวม ต่างจากประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีจำนวนผู้ส่งออก SME มากกว่าไทยถึง 3 เท่า เป้าหมายสำคัญของ EXIM BANK ในปีหน้าคือ การเพิ่มจำนวนผู้เล่นในตลาดส่งออก" 

ชี้บาทแข็งค่า 1 บาทฉุดกำไร 2% 

นายชลัช กล่าวว่า หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียง 1 บาท เช่น จาก 33 เหลือ 32 บาทต่อดอลลาร์ จะส่งผลให้กำไรของผู้ส่งออกจะหายไปเกือบ 2% และหากแข็งค่าขึ้น 2 บาท กำไรอาจหายไปถึง 5%

ปัญหาใหญ่คือ SMEs มักมุ่งเน้นแต่การผลิต และส่งออกให้ได้ตามออร์เดอร์ โดยไม่ได้คำนวณกำไรขาดทุนจากการแลกเปลี่ยนเงินตราในแต่ละธุรกรรมอย่างละเอียด ทำให้เมื่อได้รับเงินจริง ที่แปลงเป็นเงินบาทแล้ว อาจพบว่าขาดทุนหรือกำไรหดหายไปมาก ในขณะที่

ผู้ส่งออกรายใหญ่ มักมีทีมบริหารจัดการความเสี่ยง มีการจองซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) หรือมีเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ที่ดีอยู่แล้ว

ขณะที่ผลกระทบต่อการชำระหนี้คืนธนาคาร (Loan Repayment) ยังไม่ปรากฏชัดเจน เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของ EXIM BANK เป็นรายใหญ่ที่มีความเสถียร หรือหากเป็นรายที่ได้รับผลกระทบ ธนาคารก็มีมาตรการพักชำระหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้รองรับอยู่แล้ว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์