อุตฯการบินโลกโกยรายได้ล้านล้านครั้งแรกไทยดึงเทคโนโลยีหนุนบริหารจรากรอากาศ

อุตฯการบินโลกโกยรายได้ล้านล้านครั้งแรกไทยดึงเทคโนโลยีหนุนบริหารจรากรอากาศ

ธุรกิจการบิน ซึ่งมีส่วนประกอบทั้ง สนามบิน และบริการเกี่ยวเนื่อง รวมไปถึงสายการบินซึ่งมีทั้งสายการบินแห่งชาติและภาคเอกชนที่เข้ามาร่วมส่วนแบ่งแห่งธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างโดดเด่นในยุคนี้

รายงาน Global Outlook ​​Trade, AI, and the Energy Transition​  โดย IATA (International Air Transport Association)  หรือ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ  เผยแพร่เมื่อ ธ.ค. 2568 ระบุว่า  ปี 2569  คาดการณ์การเติบโตของปริมาณผู้โดยสาร (วัดเป็น RPK :คำนวณจากจำนวนผู้โดยสารที่จ่ายเงิน คูณระยะทางที่เดินทาง หน่วยเป็นคน-กิโลเมตร)  ที่ 4.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 

โดยมีภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตัวนำการเติบโตที่ 7.3% การชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2568 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากข้อจำกัดด้านอุปทานทั้งปัญหาจำนวนเครื่องบินที่มีจำกัด และการขาดแคลนแรงงาน 

"แม้จะมีข้อจำกัดด้านอุปทานอยู่แต่ การบรรทุกผู้โดยสาร( load factors) อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์โดยคาดการณ์ไว้ที่ 83.8% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลตอบแทนและกำไรแม้สภาพโดยรวมจะอยู่บนพื้นฐานความผันผวนที่สูงอยู่การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารที่ยืดหยุ่นควบคู่ไปกับผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพจึงทำให้อุตสาหกรรมการบินในปี 2568 จะมีรายได้เกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก"

สำหรับปี 2569 จากปัจจัยการบรรทุกผู้โดยสารและการใช้ประโยชน์จากฝูงบินที่สูงเป็นประวัติการณ์ ควบคู่ไปกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของรายได้เสริม จะช่วยให้สายการบินสามารถรักษากำไรที่ดีได้ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ โดยมีกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 41 พันล้านดอลลาร์ในปี2569  และอัตรากำไรสุทธิที่คงที่ที่ 3.9% 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผลดำเนินการที่น่าประทับใจ จากการแข่งขันเพื่อลดค่าโดยสาร และต้นทุนต่างๆยังกดดันการดำเนินธุรกิจอยู่มาก ซึ่งทำให้ธุรกิจการบินเป็นอุตสาหกรรมที่มีกำไรต่ำอยู่ต่อไป" 

     ทั้งนี้ รายงานได้เล่าถึงผลภาพรวมในรายภูมิภาค พบว่า ยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างกำไรสุทธิสูงสุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลงานที่โดดเด่นของตุรกี  ขณะที่ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่มีอัตรากำไรสูงสุด  ส่วนเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตเร็วที่สุด และละตินอเมริกาเริ่มได้เห็นสัญญาณของการปรับโครงสร้างแล้ว ด้านอเมริกาเหนือยังเผชิญกับอุปสรรคใหม่ๆ รวมถึงความต้องการภายในประเทศที่ซบเซาและข้อจำกัดในการดำเนินงาน แต่ภูมิภาคนี้ยังรั้งตำแหน่งบทบาทสำคัญต่อการทำกำไรของอุตสาหกรรมการบินต่อไป

นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า บวท. มีความพร้อมในการสนับสนุนผลักดันนโยบายของรัฐบาล โดยมีแผนการนำระบบเทคโนโลยีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการจราจรทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยรองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น พร้อมรักษามาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ซึ่ง บวท. ได้เดินหน้าพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการให้บริการการเดินอากาศ เพื่อปรับปรุงและยกระดับระบบเทคโนโลยีให้ทันสมัย

 โดยบูรณาการแผนดำเนินงาน แผนปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้สอดรับกับแผนพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต รวมถึงสนามบินภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของสนามบิน รองรับการเติบโตของผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในอนาคต อีกทั้ง กำลังดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างเส้นทางบิน และการออกแบบห้วงอากาศ โดยจัดทำเส้นทางบินใหม่เพิ่มขึ้น ปรับปรุงจากเส้นทางบินในปัจจุบันจากรูปแบบทางเดียว (Single Route) ให้เป็นเส้นทางบินคู่ขนาน (Parallel Routes) ทั้งเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น และมีความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ ในกรณีมีสภาพอากาศไม่ปกติหรือมีสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการจราจรทางอากาศ

นอกจากนี้ บวท. ได้เร่งผลักดันการใช้ Remote Tower เพื่อให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศได้จากศูนย์ควบคุมระยะไกล สำหรับสนามบินที่มีปริมาณเที่ยวบินหนาแน่นน้อย ได้แก่ สนามบินนราธิวาส และเบตง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการให้บริการจราจรทางอากาศ และนอกจากนั้นแล้ว จะมีการทดลองระบบ Digital Tower ใน Lab เพื่อประเมินประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าในการลงทุน ก่อนนำเข้าใช้งานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน ลดข้อจำกัดด้านต่าง ๆ 

รวมทั้งเร่งดำเนินการออกแบบและพัฒนาห้วงอากาศสำหรับสนามบินที่มีความซับซ้อนของการจราจรทางอากาศ (Metroplex) 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา, กลุ่มสนามบินภูเก็ต กระบี่ อันดามัน (พังงา) และกลุ่มสนามบินเชียงใหม่ ลำปาง ล้านนา (ลำพูน) เพื่อลดความหนาแน่นของสนามบินหลัก

 อีกทั้ง มีการนำระบบเทคโนโลยีและประสบการณ์ด้านการบริหารจราจรทางอากาศมาใช้พัฒนาระบบจัดการจราจรทางอากาศสำหรับอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน ให้เกิดความปลอดภัย รวมทั้งร่วมขับเคลื่อนผลักดันให้เกิดการปฏิบัติการบินอากาศยานทางทะเล หรือ Seaplane อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเปิดมิติใหม่ของการคมนาคมทางอากาศ 

โดย บวท. พร้อมที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีในทุกด้าน เพื่อมีส่วนสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมการบินของประเทศ สนับสนุนนโยบายรัฐบาลให้ไปสู่เป้าหมาย เพราะเชื่อมั่นว่าจะส่งผลดี สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างขีดความสามารถให้ประเทศชาติต่อไป

สำหรับสถิติเที่ยวบินระหว่างประเทศ ของปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่เดือนต.ค. 2567 - ก.ย. 2568 มีเที่ยวบินรวม 458,561 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 1,256 เที่ยวบิน/วัน 

อุตฯการบินโลกโกยรายได้ล้านล้านครั้งแรกไทยดึงเทคโนโลยีหนุนบริหารจรากรอากาศ