เบื้องลึก! เบรก ‘คนละครึ่งพลัสเฟส 2’ รัฐบาลเลี่ยงเกมเสี่ยง ‘ขัดรัฐธรรมนูญ’

“อนุทิน” พูดชัดทำตามกติกา ไม่เดินต่อคนละครึ่งพลัสเฟส 2 หลังยุบสภาฯ ชี้ไม่สามารถนำงบกลางฯ มาใช้ทำโครงการได้ ‘คลัง’ ทำลิสต์ 3 โครงการหารือภายในรัฐบาลชี้หากเดินต่อสุ่มเสี่ยงโดนฟ้องทำผิด รธน. ทั้งคนละครึ่งเฟส 2 - ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ – TISA
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่าตอนนี้โครงการ คนละครึ่งพลัส เฟส 2 ไม่สามารถนำงบกลางมาดำเนินโครงการต่อได้แล้ว เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศยุบสภาไปเรียบร้อยแล้ว
“เราทำตามกติกาเนอะ ตอนนี้ยุบสภาฯ ไปแล้ว เราไม่สามารถนำงบกลางมาใช้ในโครงการแบบนี้ ต้องรอให้สภาพรัฐบาลกลับมาเป็นรัฐบาลปกติก่อน” นายอนุทิน กล่าว
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในการประชุม ครม.วันนี้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานให้ ครม.ทราบผลของการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เน้นย้ำเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ และงบประมาณของ ครม.หลังยุบสภาฯ ว่าต้องไม่ผูกพันไปยังรัฐบาลต่อไป
โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีการหารือกันภายในแล้วว่า ภายหลังมีการยุบสภาฯ แล้วรัฐบาลจะไม่ทำโครงการที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 169 วางกรอบว่าหลังยุบสภาห้าม ครม.ดำเนินการ 5 ข้อสำคัญ เพื่อป้องกันการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง และการสร้างภาระให้รัฐบาลหน้า ได้แก่
1.ห้ามอนุมัติโครงการที่ผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
2.ห้ามเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ๆ หรือก่อหนี้ระยะยาว
3.ห้ามแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง
4.ห้ามใช้งบกลางสำรองจ่ายฉุกเฉิน เว้นแต่จำเป็นเร่งด่วน และต้องขออนุมัติ กกต. ก่อน
5.ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อหาเสียง โดยห้ามใช้กลไกราชการมาช่วยในการเลือกตั้ง
ดังนั้นแม้ว่าบางโครงการอาจสามารถเดินหน้าได้หากส่งไปขอความเห็นจาก กกต. แล้ว เพราะเป็นโครงการต่อเนื่อง แต่รัฐบาลคาดการณ์ว่าแม้ กกต.จะเห็นชอบให้เดินหน้าบางโครงการได้ ก็ยังจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกร้องเรียน หรือถูกยื่นตีความว่า ครม.มีอำนาจหน้าที่ว่าสามารถทำโครงการนั้นได้หรือไม่
นางสาวไตรศุลี กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้ทำรายชื่อโครงการที่อาจมีความสุ่มเสี่ยงจะขัดกฎหมาย หรือถูกยื่นตีความทางกฎหมาย หากมีการผลักดันให้ผ่าน ครม.ได้แก่ โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ และโครงการบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น (Thailand Individual Savings Account) หรือ “TISA” ซึ่งทุกโครงการเข้าข่ายมีผลผูกพันกับรัฐบาลต่อไป
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำหรับคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่เป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งได้แถลงต่อสภานั้น ในช่วงรัฐบาลรักษาการเรื่องนี้ต้องไปถามความเห็นจาก กกต.ก่อนตามกติกาในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการว่าจะดำเนินการอะไรได้บ้าง
“ในทางปฏิบัตินั้นรัฐบาลจะทำเรื่องไปสอบถาม กกต.อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ กกต.ตอบกลับมายังรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงเหตุผลที่รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าโครงการต่อได้” โฆษกรัฐบาล กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์












