การแก้ไขเอ็มโอยู‘แร่สำคัญไทย-สหรัฐ’ ย้ำถ้อยคำ'กฎหมายภายใน-ไม่เจาะจงทุนอเมริกัน

เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2568 ที่ผ่านมาหลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ
ระหว่างรัฐบาลแห่งสหรัฐและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน (Memorandum of Understanding between the Government of the United States of America and the Government of the Kingdom of Thailand Concerning Cooperation to Diversify Global Critical Minerals Supply Chains and Promote Investments) ที่ประเทศมาเลเซีย แม้การลงนามจะเสร็จสิ้นแล้วแต่MOU นี้ยังมีรายละเอียดบางส่วนที่ต้องแก้ไข
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อ 9 ธ.ค. 2568 มีมติรับทราบการปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนา ความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ
การปรับปรุงถ้อยคำร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญภายใต้หัวข้อ Areas of Cooperation โดยได้เพิ่มเติม 2 ประเด็น ดังนี้
2.1หัวข้อAreas of Cooperation ข้อ 1ฝ่ายสหรัฐขอคงคำว่า first opportunity to invest ในขณะที่ฝ่ายไทยขอเพิ่มเติมในส่วนของโอกาส ในการเข้ามาลงทุนของสหรัฐ จะต้องเป็นไปตามกฎหมายภายในของไทย (in accordance with domestic laws) เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับภายในที่บังคับใช้อยู่ อาทิ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
2.2หัวข้อAreas of Cooperation ข้อ 5ฝ่ายสหรัฐยอมรับการปรับปรุงถ้อยคำของฝ่ายไทยในเรื่องการพัฒนาตลาดที่มีมาตรฐานสูง แต่ขอเพิ่มคำว่า preferentially(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง)เพื่อรักษาสิทธิพิเศษระหว่างผู้แข่งขันในตลาดที่มีมาตรฐานสูง โดยไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่า ต้องเป็นนักลงทุนสหรัฐเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว
ทั้งนี้ การปรับปรุงถ้อยคำดังกล่าวเพื่อให้มีความรัดกุมมากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อไทย และถือเป็นร่างโต้ตอบสุดท้ายของฝ่ายสหรัฐเพื่อฝ่ายไทยประกอบการพิจารณาลงนาม
สำหรับ บันทึกความตกลงดังกล่าว ตามที่เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติ (23 ต.ค. 2568) เห็นชอบหลักการร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริม การลงทุน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ
โดยให้ปรับปรุงถ้อยคำตามที่ กต. และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ กต. ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2558 รวมทั้งอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจตัดสินใจว่าจะลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ หรือไม่ โดยคำนึงถึงสถานการณ์ในการประชุมและประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ
“ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติตามข้อ 1 กต. ได้ปรับปรุงถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ของฝ่ายไทยตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และได้นำส่งฝ่ายสหรัฐพิจารณา”
สำหรับบันทึกความเข้าใจฯ จะช่วยเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรไทย – สหรัฐและเป็นโอกาส ในการแสดงความมุ่งมั่นของไทยที่จะส่งเสริมความร่วมมือและเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจ กับสหรัฐเนื่องจากรัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือกับไทยในประเด็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญและ ประสงค์ผลักดันให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อเป็นเอกสารผลลัพธ์สำคัญ (key deliverable) ระหว่างไทยกับสหรัฐในห้วงที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐมาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย
ดังนั้น การลงนามบันทึกความเข้าใจฯ จึงเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกและ แสดงความพร้อมของฝ่ายไทย อีกทั้งเป็นโอกาสสำหรับไทยในการมีปฏิสัมพันธ์และความร่วมมือกับฝ่ายสหรัฐทั้งในแง่ของการแบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในประเด็นแร่ธาตุสำคัญต่อไปได้ตลอดจนจะมีส่วนช่วยให้ฝ่ายสหรัฐมีข้อพิจารณาที่เป็นบวกต่อไทยในการขับเคลื่อนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวโยงกับแร่ธาตุที่มีความสำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงอื่น ๆ โดยส่งเสริม ให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ บันทึกความเข้าใจฯ มิได้มุ่งหมาย ที่จะกีดกันหรือห้ามมิให้ภาคีมีความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ในประเด็นห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุและแร่ธาตุหายาก
สำหรับ แร่ธาตุสำคัญ (Critical minerals) ข้อมูลจากบทความ“ทรัพยากรธาตุหายากของไทย”โดย ผศ.ดร.อลงกต ฝั้นกา หน่วยปฏิบัติการวิจัยแร่และศิลาวิทยาประยุกต์ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า คือ ทรัพยากรแร่ธาตุที่เป็นวัตถุดิบสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจหลักในปัจจุบันและมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีบทบาทสำคัญในด้านเทคโนโลยีพลังงานและเทคโนโลยีขั้นสูงสมัยใหม่ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกมีการกำหนดแร่ธาตุสำคัญของตนเองไว้อย่างชัดเจนที่อาจแตกต่างกันบ้าง แต่มีแร่ธาตุสำคัญหลายชนิดที่ทุกประเทศได้กำหนดไว้เหมือนกันคือ ธาตุหายาก และธาตุอื่นๆ เช่น ลิเทียม (Li) นิกเกิล (Ni) โคบอลต์ (Co) ดีบุก (Sn) ทังสเตน (W) ทองแดง (Cu) เป็นต้น
โดยประเทศไทยมีศักยภาพธาตุหายากหลายพื้นที่ แต่ยังจำเป็นต้องมีการสำรวจรายละเอียดเพื่อนำไปสู่ความชัดเจนในด้านคุณภาพและปริมาณของทรัพยากรธาตุหายากของในประเทศและการบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับคำแปล(อย่างไม่เป็นทางการ) จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศ สาระสำคัญโดยสรุปบางส่วน ระบุว่า “คู่สัญญา" จะการแสวงหา ที่จะร่วมมือกันในการเสริมสร้างการกำกับดูแลที่ดีต่อทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างบริษัทของสหรัฐกับบริษัทของไทย และส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างคู่สัญญาเพื่อขยายความเชื่อมโยงของประเทศไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือ
คู่สัญญามีเจตนาที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากล เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแร่ธาตุสำคัญของประเทศไทย
หากคู่สัญญาแต่ละฝ่ายพิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการใดมีความเหมาะสมสำหรับการลงทุนภายใต้ข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างคู่สัญญา คู่สัญญาคาดหวังที่จะได้รับโอกาสแรกในการลงทุน ภายใต้กฎหมายภายในประเทศในสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญที่อาจมีการจำหน่ายในประเทศไทย หรือโดยบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่หรือจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย โครงการลงทุนจะครอบคลุมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างศักยภาพ และการฝึกอบรมบุคลากรในประเทศความร่วมมือควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปและห่วงโซ่คุณค่าภายในประเทศเป็นลำดับแรก
กลไกความร่วมมืออาจรวมถึงการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบาลของคู่สัญญา การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การสัมมนา การดำเนินงานทางธรณีวิทยาร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูล และกลไกอื่น ๆ ในประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน การประชุมและการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ตลอดจนกิจกรรมเสริมสร้างขีดความสามารถ
ขอบเขตความร่วมมืออาจครอบคลุมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแนวปฏิบัติด้านกฎระเบียบที่ดี เช่น การดำเนินมาตรการเพื่อปรับปรุงกระบวนการอนุญาตให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประเด็นการลงทุน และความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นหรือจังหวัด มลรัฐ หรือหน่วยงานปกครองท้องถิ่นอื่น ๆ นอกจากนี้คู่สัญญาจะดำเนินการโดยสุจริตเพื่อพัฒนาหรือเสริมสร้างอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่เพื่อใช้ในการตรวจสอบและยับยั้งการขายสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญและแร่ธาตุหายากบางประเภทบนพื้นฐานของความมั่นคงแห่งชาติ
คู่สัญญามีความตั้งใจที่จะแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประมูลและโครงการที่อาจเกิดขึ้นให้อีกฝ่ายทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถกระทำได้ และในทุกกรณีต้องไม่ล่าช้ากว่าการให้ข้อมูลดังกล่าวแก่ผู้ลงทุนรายอื่น
คู่สัญญาจะประสานความร่วมมือกันเพื่อคุ้มครองตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่ธาตุหายากภายในประเทศบนพื้นฐานของนโยบายที่มุ่งเน้นตลาดและการค้าที่เป็นธรรม โดยการจัดตั้งตลาดที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านั้นสามารถทำการค้าได้โดยได้รับสิทธิพิเศษ และอยู่ภายใต้กรอบการกำหนดราคา รวมถึงมาตรการกำหนดราคาขั้นต่ำหรือมาตรการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันการดำเนินการและการแลกเปลี่ยนข้อมูลคู่สัญญามีความตั้งใจที่จะจัดการประชุมในระดับปฏิบัติการเป็นประจำ











