ส.อ.ท. ลั่นเศรษฐกิจ 'ติดหล่ม' ถก 'ไทยสร้างไทย' ปฏิรูป-รัฐสวัสดิการ กู้ฐานรากประเทศ

ส.อ.ท. ลั่นเศรษฐกิจ 'ติดหล่ม' ถก 'ไทยสร้างไทย' ปฏิรูป-รัฐสวัสดิการ กู้ฐานรากประเทศ

ส.อ.ท. ผนึก ไทยสร้างไทย! "เกรียงไกร" ชี้เศรษฐกิจไทย "รถติดหล่ม" เร่งเครื่อง 4GO สู่ Net Zero 2050 - "โภคิน" รับลูก ย้ำปฏิรูปการศึกษา-สวัสดิการ-3 กองทุน SMEs/Startup/ท่องเที่ยว แก้รากฐานประเทศ

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ส.อ.ท. ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย นำโดย ดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคฯ เพื่อประชุมหารือแลกเปลี่ยนแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย ณ ห้อง Passion (802) ชั้น 8 ส.อ.ท.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเปรียบเสมือน “รถที่ติดหล่ม” ซึ่งต้องใช้พลังอย่างมากในการดึงให้หลุดพ้น สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขับเคลื่อนนโยบายจากภาครัฐ รัฐบาลจึงประกาศนโยบาย “Quick Big Win” เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ปัญหาหนี้ เพิ่มสภาพคล่อง และฟื้นภาคท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ นายเกรียงไกร ได้ฝากถึงความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทย ไม่ว่าจะเป็น 1) มาตรการภาษีของสหรัฐฯ 2) ปัญหาสินค้าทุ่มตลาดและการสวมสิทธิ์ส่งออก 3) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ 4) ข้อพิพาทตามแนวชายแดน 5) หนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ 6) การแข็งค่าของเงินบาท 7) ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ 8) ธุรกิจสีเทาและอาชญากรรมไซเบอร์ รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น สังคมสูงวัย กับดักรายได้ปานกลาง ระบบการศึกษา การเมือง งบประมาณที่ไม่สมดุล การทุจริต และกฎหมายล้าสมัย

ส.อ.ท. ลั่นเศรษฐกิจ 'ติดหล่ม' ถก 'ไทยสร้างไทย' ปฏิรูป-รัฐสวัสดิการ กู้ฐานรากประเทศ

ในขณะเดียวกัน นายเกรียงไกร ได้นำเสนอยุทธศาสตร์ยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่มาตรฐานสากล ผ่านแนวทาง 4GO ได้แก่ 1) Go Digital & AI ยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI 2) Go Innovation สร้างผู้ประกอบการ “จิ๋วแต่แจ๋ว” ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรม 3) Go Global พัฒนาสินค้าและบริการไทยสู่ตลาดต่างประเทศ และ 4) Go Green ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนและเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050

แนวทาง 4GO อยู่ภายใต้นโยบาย ONE FTI ของ ส.อ.ท. ซึ่งมุ่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้ประเทศไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ส.อ.ท. ลั่นเศรษฐกิจ 'ติดหล่ม' ถก 'ไทยสร้างไทย' ปฏิรูป-รัฐสวัสดิการ กู้ฐานรากประเทศ

สำหรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย นายเกรียงไกร ได้ระบุเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่

• เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยผลักดันให้คะแนนประเมิน IMD ขยับสู่อันดับ TOP 20 จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับ 30 

• ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวในระดับ 5%

• บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเร่งเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้นเป็นปี 2050 จากเดิมปี 2065

ทั้งนี้ ข้อเสนอเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไทยถูกแบ่งออกเป็น 8 ด้าน ได้แก่

1) ปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ผ่าน Omnibus Laws, Regulatory Guillotine และผลักดันร่าง พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก

2) พัฒนาบุคลากร เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำตามอำนาจคณะกรรมการไตรภาคี และส่งเสริมค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ

3) บริหารจัดการพลังงาน รองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยทบทวนแผนพลังงานชาติ โครงสร้างพลังงาน และลดต้นทุนด้านพลังงาน

ส.อ.ท. ลั่นเศรษฐกิจ 'ติดหล่ม' ถก 'ไทยสร้างไทย' ปฏิรูป-รัฐสวัสดิการ กู้ฐานรากประเทศ

4) ส่งเสริมการส่งออก การค้า และการลงทุนในอุตสาหกรรม S-Curve รวมถึงการเร่งเจรจาการค้าเสรี (FTA) และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สินค้า Made in Thailand (MiT) 

5) ยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล สนับสนุน Digital Transformation และโจทย์นวัตกรรมเชิงอุตสาหกรรม รวมถึงเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ

6) พัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนตามแนวคิด BCG & ESG บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เตรียมรับมือมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ใหม่

7) ส่งเสริมศักยภาพ SME ผลักดันให้เข้าถึงจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ขยายสิทธิประโยชน์สู่ SME กลุ่ม M พร้อมทั้งมาตรการ Soft Loan และการช่วยเหลือด้านสินเชื่อ

8) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และพื้นที่อุตสาหกรรม ปรับเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยกระดับประสิทธิภาพโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการค้าและการส่งออก

ด้าน ดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของพรรคฯ ว่า ตนและทีมพรรคไทยสร้างไทยต้องขอขอบคุณคณะผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทุกท่านที่ให้เกียรติพรรคไทยสร้างไทยเข้าร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย ซึ่งข้อเสนอและแนวทางที่สะท้อนกลับมานั้น สอดคล้องและใกล้เคียงกับนโยบายการขับเคลื่อนประเทศของพรรคฯ ที่จะมาตอบโจทย์ใหญ่ของประเทศในปัจจุบันและอนาคต โดยขอแยกเป็นประเด็น ได้แก่ 1) การเมืองและระบบราชการทุจริต 2) โครงสร้างเศรษฐกิจอ่อนแอทั้งระบบ ไม่ว่าเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร ภาคบริการ ประกอบกับกฎหมายที่ไม่ได้อำนวยความสะดวก 3) การศึกษาที่ล้าหลัง ที่ยังเป็นระบบท่องจำ 4) ระเบียบโลกที่ไม่แน่นอน อาทิ สงครามการค้า 5) ภาวะโลกร้อน และโรคระบาด

ดร.โภคิน กล่าวต่อไปอีกว่า ประเทศไทยมีประชาธิปไตยมาแล้ว 93 ปี สิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยจะมุ่งหน้าขับเคลื่อนประเทศบนโจทย์ความท้าทายที่เผชิญอยู่ในข้างต้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ ประชาชนมีความมั่นคง มีคุณภาพ และไม่จน ซึ่งสิ่งที่ตนและคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้วิเคราะห์และเล็งเห็นถึงแนวทางแก้ไขปัญหามาโดยตลอด อาทิ 

• จัดทำรัฐสวัสดิการ ที่ไม่ใช่ประชานิยม

• ปฏิรูปการศึกษา ลดปัญหากู้ยืมเพื่อการศึกษา จบแล้วมีงานทำ ทักษะและประสบการณ์กลายเป็นเรื่องหลัก

 

สำหรับทิศทางในการยกระดับการสร้างคนตัวเล็กและเศรษฐกิจฐานรากซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ ที่ยังคงประสบปัญหาอยู่ โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ การขาดความรู้ และการขาดช่องทางการตลาด ควรจะต้องมีกองทุนเข้ามาช่วยพัฒนามีด้วยกัน 3 กองทุน ได้แก่ 1) กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี (SME) 2) กองทุนพัฒนาสตาร์ตอัป (Startup) และ 3) กองทุนพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยว

“ส่วนการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่อยากจะขอการสนับสนุนจากทุกคน ตนเห็นว่าควรจะมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภาคประชาชน ที่มาจากตัวแทนองค์กรวิชาชีพทั้งหมด เสมือนเป็นสภาปราบคอร์รัปชันภาคประชาชน รวมถึงการให้คะแนนการให้บริการประชาชนจากทุกหน่วยงานรัฐ เพราะตนมองว่าหน่วยงานรัฐเป็นจุดศูนย์รวมประชาชน” ดร.โภคิน กล่าวต่อ

ดร.โภคิน กล่าวทิ้งท้ายที่แสดงถึงจุดยืนของพรรคฯ ว่า “เราขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยมาร่วมกันใช้พลังของทุกท่าน เป็นเทียนคนละเล่มให้เป็นแสงเจิดจ้าทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อขับไล่ความมืดมิดของระบบการเมืองทุจริต ระบบราชการทุจริต และกระบวนการโกหก หลอกลวงทั้งหลายที่ปล้นเงิน ความสุข และพรากความมั่นคงในชีวิตของพวกท่านไป อย่ายอมให้บุคคลใดเอาเงินที่ปล้นไปจากท่านกลับมาซื้อท่านได้ พวกเราต้องตื่นจากการยอมจำนน มาร่วมสร้างสังคมสุจริตเพื่อครอบครัวพี่น้องและส่งต่อสังคมที่งดงามนี้ให้ลูกหลานต่อไป”