'ไฮสปีด 3 สนามบิน' ล่าช้า ต้องรอ ครม.ใหม่ เคาะแก้สัญญา CP

แก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินต้องหยุดชะงัก เนื่องจาก ครม. รักษาการไม่มีอำนาจอนุมัติเรื่องที่มีผลผูกพัน ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาพิจารณา
KEY
POINTS
- แก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินต้องหยุดชะงัก เนื่องจาก ครม. รักษาการไม่มีอำนาจอนุมัติเรื่องที่มีผลผูกพัน ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาพิจารณา
- โดยประเด็นสำคัญที่รอการอนุมัติ คือการเสนอขอแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนกับกลุ่มซีพี ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด รฟท. แล้ว
- สาระสำคัญของการแก้ไขสัญญาคือ การขอแบ่งจ่ายค่าสิทธิแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และการปรับรูปแบบการจ่ายเงินสนับสนุนจากภาครัฐเป็นแบบ "สร้างไปจ่ายไป"
ภายหลังจากการประกาศยุบสภา มีผลตั้งแต่ 12 ธ.ค.2568 ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น ครม.รักษาการ ซึ่งไม่สามารถอนุมัติโครงการหรือเห็นชอบเรื่องที่มีผลผูกพัน โดยผลกระทบเกิดขึ้นทันทีกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมที่รอเข้าคิวเสนอ ครม. จำเป็นต้องรอเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่ เช่นเดียวกับปัญหาโครงการเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) อย่าง “รถไฟความเร็วสูง” ซึ่งขณะนี้เตรียมเสนอ ครม.ขอแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน
โดยโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) สถานะปัจจุบันการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีมติให้เสนอทบทวนมติ ครม.เกี่ยวกับโครงการไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน โดยจะเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาแก้ไขสัญญาร่วมทุนใน 2 ประเด็น ได้แก่
1.การแบ่งจ่ายค่าสิทธิแอร์พอร์ตเรลลิงก์
2.การจ่ายเงินสนับสนุกจากภาครัฐปรับเป็นสร้างไปจ่ายไป
รวมไปถึงพิจารณาถึงข้อเสนอแนะของสำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็น 2 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย
1. แผนการจ่ายเงินที่จะปรับเป็นสร้างไปจ่ายไป ต้องให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ
2.หลักประกันด้านงานโยธา ซึ่งอัยการสูงสุดมีความเห็นว่าหลักประกันดังกล่าวควรเป็นหลักประกันของโครงการด้วย ซึ่งตามสัญญาเดิมโครงการนี้ เมื่อออกหนังสือ NTP จะมีหลักประกัน 4,500 ล้านบาท และมีหลักประกันผู้ถือหุ้น 140,000 ล้านบาท เท่ากับมูลค่าที่รัฐร่วมลงทุนเมื่อรวมดอกเบี้ย
โดยการพิจารณาแก้สัญญาโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินนั้น ผ่านบอร์ด รฟท.แล้ว และขั้นตอนต่อไปเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) แต่เนื่องด้วยเป็นประเด็นที่มีผลผูกพัน ดังนั้นรัฐบาลรักษาการจึงไม่สามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้ และเป็นผลทำให้โครงการไฮสปีดเทรนสายนี้จะต้องหยุดชะงักเพื่อรอรัฐบาลใหม่พิจารณา
สำหรับโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ที่มีเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ถือหุ้นใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2562 หลังชนะการประมูล และขอรับเงินร่วมลงทุนจากรัฐต่ำสุด 117,226 ล้านบาท
หลังจากนั้น ครม. เห็นชอบการเยียวยาผลกระทบจากโควิดที่ทำให้ผู้โดยสารแอร์พอร์ตเรลลิงก์ลดลง เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2564 ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และการเจรจาแก้สัญญาดำเนินการมาต่อเนื่องถึงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่ยังไม่อนุมัติร่างแก้ไขสัญญาดังกล่าว ประชาชนเสียโอกาสในการใช้บริการไฮสปีดเทรนสายนี้มากกว่า 6 ปี









