กนอ. ชูนิคมฯ ภาคใต้ โมเดล 'รอดน้ำท่วม' เร่งดึงโรงงานลงทุนในพื้นที่ว่างเพิ่ม

กนอ. ชี้บทเรียนน้ำท่วมหาดใหญ่ "นิคมฯ คือพื้นที่ปลอดภัย" เร่งปรับโลจิสติกส์ แก้ปมถูกตัดขาด เตรียมลดค่าบริการเยียวยาโรงงาน
KEY
POINTS
- กนอ. ชูนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้เป็นโมเดลรอดน้ำท่วม หลังไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ โดยเปรียบเสมือน "ไข่แดง" ที่น้ำท่วมไม่ถึง และยังทำหน้าที่เป็นศูนย์พักพิงช่วยเหลือประชาชนโดยรอบ
- กนอ. มองเห็นโอกาสจากสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมเชิญชวนโรงงานที่อยู่นอกนิคมฯ บริเวณหาดใหญ่ ให้ย้ายเข้ามาตั้งในพื้นที่เพื่อ "ลดความเสี่ยง" โดยปัจจุบันนิคมฯ ยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ประมาณ 30%
- กนอ. มีแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคใต้ที่ต้องหยุดกิจการชั่วคราว โดยจะพิจารณาลดค่าบริการต่างๆ พร้อมเตรียมเสนอแผนปรับปรุงระบบโลจิสติกส์เพื่อไม่ให้พื้นที่ถูกตัดขาดอีก
สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในอำเภอหาดใหญ่และจังหวัดใกล้เคียง ได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
แม้ว่าภาพรวมจะแสดงให้เห็นถึงความสูญเสียในวงกว้าง แต่รายงานจาก การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยเฉพาะที่ นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ กลับสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยเปรียบเสมือนเป็น "ไข่แดง" ที่ยังคงปลอดภัยจากน้ำท่วม
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า จากปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่ ปรากฏว่านิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ซึ่งมี 2 นิคมหลัก ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเข้าในพื้นที่ โดยเปรียบเสมือนพื้นที่นิคมเป็น "ไข่แดง" ที่มีน้ำไหลเข้ามาโดยรอบ แต่ไม่ท่วมภายใน
ในช่วงวิกฤติ กนอ. ได้ใช้พื้นที่นิคมภาคใต้เป็น "ศูนย์พักพิง" สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่รอบข้าง โดยภายในนิคมฯ มีทั้งน้ำ ไฟฟ้า และอาหาร คอยดูแลประชาชนทั้งหมด ผู้ประสบภัยได้รับประทานอาหารทุกมื้อ และมีห้องที่สามารถเปิดเครื่องปรับอากาศได้ ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนรอบข้างกับ กนอ. อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เพราะชุมชนยอมรับว่า กนอ. สามารถปกป้องชีวิตของพวกเขาได้ หลังเกิดเหตุการณ์ กนอ. ได้เตรียมถุงยังชีพจำนวน 2,800 ถุง แจกจ่ายให้กับชุมชนรอบข้าง
ผู้ว่าการ กนอ. ระบุว่า หลังจากน้ำท่วมลดลง ได้มีการเข้าพูดคุยกับผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับคำชื่นชมในการที่ กนอ. สามารถรักษาชีวิตพนักงานของพวกเขาและคนในชุมชนได้ โรงงานที่อยู่ในนิคมฯ ภาคใต้ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 50 โรงงาน อาทิ บริษัท มิชลิน และบริษัทที่ผลิตถุงมือยาง/ถุงยางอนามัย ได้หยุดดำเนินการไปประมาณ 10 กว่าวัน เนื่องจากพนักงานไม่สามารถเดินทางเข้าออกได้ ปัจจุบันโรงงานได้กลับมาเปิดดำเนินการแล้ว
"กนอ. มีแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องหยุดกิจการในช่วงดังกล่าว โดยจะให้มีการส่งข้อมูลความเสียหายมา เพื่อพิจารณาการช่วยลดค่าบริการต่าง ๆ เช่น ค่าลดน้ำ ค่าลดไฟ ค่าเช่า และค่าส่วนกลาง"
บทเรียนและการพัฒนาในอนาคต
นายสุเมธ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องปรับปรุงเรื่องระบบโลจิสติกส์ (การขนส่ง) ซึ่ง กนอ. ต้องออกแบบระบบโลจิสติกส์ใหม่ เพื่อให้สามารถส่งกำลังบำรุงจากพื้นที่นิคมฯ ไปยังหาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด โดยไม่ให้กลายเป็นพื้นที่ไข่แดงที่ถูกตัดขาด โดย กนอ. จะเสนอแนวคิดในการปรับปรุงพื้นที่ถนนบริเวณที่ถูกน้ำตัดขาดประมาณ 400-500 เมตร ไปยังกรมทางหลวงชนบท
นอกจากนี้ กนอ. มองเห็นโอกาสจากสถานการณ์นี้ โดยจะเชิญชวนโรงงานที่อยู่นอกนิคมฯ บริเวณหาดใหญ่ ให้พิจารณาเข้ามาตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้แทน เพื่อ "ลดความเสี่ยง" เนื่องจาก กนอ. มั่นใจว่าแม้จะมีน้ำท่วมปริมาณมากและรวดเร็ว แต่น้ำก็ยังไม่เข้าพื้นที่นิคม ปัจจุบันนิคมยังมีพื้นที่เหลืออยู่ประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์
"ในระยะเร่งด่วน กนอ. กำลังดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่รอบนิคมฯ โดยได้ส่งรถดับเพลิงไปฉีดทำความสะอาดถนน และในวันที่ 14 นี้ จะนำเตาแก๊สและหม้อหุงข้าวไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่"












