‘อนุทิน’ ตั้งเป้า 3 ปีไทยเป็นสมาชิก ‘OECD’ เพิ่มโอกาสเศรษฐกิจ – เปิดตลาดใหม่ภาคธุรกิจ

‘อนุทิน’ ตั้งเป้า 3 ปีไทยเป็นสมาชิก ‘OECD’  เพิ่มโอกาสเศรษฐกิจ – เปิดตลาดใหม่ภาคธุรกิจ

รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ภายใน 3 ปี จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลา 5 ปีการเข้าเป็นสมาชิก OECD จะช่วยยกระดับมาตรฐานของประเทศ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และเปิดตลาดใหม่ให้กับภาคธุรกิจไทย

KEY

POINTS

  • รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ภายใน 3 ปี จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลา 5 ปี
  • การเข้าเป็นสมาชิก OECD จะช่วยยกระดับมาตรฐานของประเทศ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และเปิดตลาดใหม่ให้กับภาคธุรกิจไทย
  • OECD ได้มอบบันทึกเบื้องต้น (Initial Memorandum) ซึ่งเป็นเอกสารประเมินความพร้อมและแนวทางการปรับปรุงกฎหมายและนโยบายของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
  • กระบวนการต่อไปคือการทบทวนเชิงเทคนิคโดยคณะกรรมการของ OECD เพื่อประเมินความพร้อมของไทยในด้านต่างๆ ก่อนจะได้รับการรับรองเข้าเป็นสมาชิก

 ความคืบหน้าในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ภายหลังจากที่ประเทศไทยได้แสดงความจำนงค์ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกและรัฐบาลได้มีการทำงานร่วมกับ OECD อย่างใกล้ชิดในหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายฟรานติเช็ก รูซิกกา รองเลขาธิการ OECD ได้มอบบันทึกเบื้องต้น (Initial Memorandum: IM) ซึ่งเป็นเอกสารการประเมินความพร้อมของไทยในการพัฒนาและยกระดับกฎหมาย นโยบาย และแนวปฏิบัติให้สอดคล้องกับ OECD ให้กับรัฐบาลไทยโดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยเป็นผู้รับมอบ

‘อนุทิน’ ตั้งเป้า 3 ปีไทยเป็นสมาชิก ‘OECD’  เพิ่มโอกาสเศรษฐกิจ – เปิดตลาดใหม่ภาคธุรกิจ

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า Initial Memorandum ที่ OECD มอบให้กับประเทศไทยนั้นมาจากการที่คณะทำงานของ OECD ได้เข้ามาทำงานร่วมกับหน่วยงานในประเทศไทย มีการเก็บข้อมูล และประเมินความพร้อม รวมทั้งดูว่ามาตรฐานเรื่องต่างๆที่ประเทศไทยใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในประเทศนั้นมีช่องว่างที่แตกต่างจากหลักการและข้อปฏิบัติของ OECD มากน้องอย่างไร

            โดย Initial Memorandum ถือเป็นคู่มือสำคัญในการที่หน่วยงานต่างๆในประเทศไทยจะปรับกระบวนการให้เข้ากับมาตรฐานของ OECD โดยในระยะต่อไปจะมีคณะกรรมการทบทวนเชิงเทคนิคของ OECD เดินทางเข้ามาเพื่อประเมินความพร้อมของประเทศไทยเป็นระยะๆ จากนั้นเมื่อเราผ่านขั้นตอนการปรับปรุงมาตรฐานภายใน ก็จะเดินหน้าไปสู่การขอรับการสนับสนุนจากสมาชิกของ OECD เพื่อให้ไทยได้รับการรับรองเข้าเป็นสมาชิกของ OECD

ทั้งนี้แต่เดิมคาดว่าระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการทำงานเพื่อปรับปรุงกระบวนการภายในของไทยให้ได้ตรงตามมาตรฐานของ OECD ไปจนถึงการขอเข้าเป็นสมาชิกนั้นต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ปี อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้ขอให้เร่งรัดการทำงานให้เร็วขึ้น เพื่อให้ไทยสามารถเข้าเป็นสมาชิก OECD ให้ได้ภายใน 3 ปี

ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประเทศไทยยืนยันอย่างมุ่งมั่นในการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยการเข้าเป็นสมาชิกจะช่วยทำให้ไทยมีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจและเปิดตลาดใหม่ให้กับประเทศ รวมทั้งจะช่วยส่งเสริมธรรมาภิบาลที่ดี และการต่อต้านการทุจริตที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังไทยได้รับ Initial Memorandum จาก OECD เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ในวันที่ 9 ธ.ค. 2568 กระทรวงการต่างประเทศได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการว่าด้วยกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ในระยะของการทบทวนเชิงเทคนิค โดยมี Gita Kothari, OECD Accession Coordinator and Deputy Director, Directorate for Legal Affairs เป็นผู้บรรยายหลักเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับหน่วยงานไทยที่รับผิดชอบในการทบทวนเชิงเทคนิคร่วมกับสำนักของ OECD (OECD Directorates)

โดยมีนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวรุจิกร แสงจันทร์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พร้อมทั้งผู้แทน สศช. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

Gita Kothari ได้กล่าวยินดีกับความสำเร็จของประเทศไทยในการส่งมอบบันทึกเบื้องต้นเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 และยืนยันความมุ่งมั่นในการสนับสนุนไทยตลอดกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก โดยประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากกระบวนการดังกล่าว ครอบคลุมถึงโอกาสในการลงทุนและการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ การหารือเชิงนโยบายที่หลากหลายและสร้างสรรค์ รวมไปถึงการปฏิรูปเชิงนโยบายและกฎระเบียบที่สามารถรับมือกับความท้าทายระดับสากลได้อย่างเข้มแข็ง

‘อนุทิน’ ตั้งเป้า 3 ปีไทยเป็นสมาชิก ‘OECD’  เพิ่มโอกาสเศรษฐกิจ – เปิดตลาดใหม่ภาคธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงความสำคัญของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานไทยกับ OECD Directorates ตลอดจนการมีส่วนร่วมในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม สหภาพแรงงาน และฝ่ายนิติบัญญัติ ผ่านกลไกการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ของ OECD เพื่อให้การขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิกเป็นที่เปิดกว้าง และสนับสนุนให้ไทยบรรลุเป้าหมายการเข้าเป็นสมาชิก OECD ได้อย่างรวดเร็ว 

พร้อมเน้นย้ำว่า OECD มิได้มีอำนาจตัดสินหรือชี้ทางว่าไทยควรทำอย่างไร แต่ OECD จะค้นหาวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเสนอแนะที่เหมาะสมที่สุดกับบริบทของไทยในการยกระดับมาตรฐานให้เทียบเท่าสากล

Gita Kothari และคณะผู้แทนสำนักกฎหมายของ OECD ยังร่วมกันบรรยายและอธิบายถึงภาพรวมของกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกที่ไทยต้องดำเนินการภายหลังการยื่นบันทึกเบื้องต้น โดยสำนักเลขาธิการ OECD (OECD Secretariat) จะทบทวนบันทึกเบื้องต้นเพื่อออกแบบแผนการดำเนินการฉบับย่อ (Mini Roadmap) ในการทบทวนเชิงเทคนิคของคณะกรรมการ OECD 25 คณะ ที่จะประเมินการเข้าเป็นสมาชิกของไทย

 ซึ่งเมื่อหน่วยงานไทยได้รับแผนการดำเนินการดังกล่าวแล้ว จะสามารถปฏิบัติตามแนวทางของ OECD ในขั้นตอนการทบทวนเชิงเทคนิคนี้ได้อย่างสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถขอรับการสนับสนุนเฉพาะด้านจาก OECD และประเทศสมาชิก OECD ได้

 นอกจากนี้ ประเทศไทยอาจพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของประเด็นที่ไทยประสงค์จะผลักดันให้เริ่มการทบทวนเชิงเทคนิค (priority areas) ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล หรือเข้าใกล้การปรับมาตรฐานให้สอดคล้องกับ OECD แล้ว เพื่อเร่งรัดให้กระบวนการทบทวนเชิงเทคนิคสามารถดำเนินการได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ หน่วยงานไทยได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ OECD เกี่ยวกับการเริ่มขั้นตอนการทบทวนเชิงเทคนิค โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการวิเคราะห์ช่องว่าง (gap analysis) ในช่วงการทำบันทึกเบื้องต้น ซึ่ง OECD ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการประเมินตนเองฝ่ายเดียว ซึ่ง OECD จำเป็นต้องทบทวนข้อมูลก่อน เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนการดำเนินการฉบับย่อ และย้ำว่าการทบทวนเชิงเทคนิคเป็นขั้นตอนที่หน่วยงานไทยและ OECD ควรเริ่มดำเนินการไปพร้อมกัน และควรหารือระหว่างกันตลอดกระบวนการ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันและดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

 อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ หน่วยงานไทยอาจพิจารณาดำเนินกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วนเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระยะการทบทวนเชิงเทคนิค ที่ OECD Directorates จะเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อดำเนินกิจกรรมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันและสามารถขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก OECD ก่อนปี 2573