กรมการจัดหางาน โชว์ผล 9 เดือน ลุยตรวจต่างชาติกว่า 781,642 คน

กรมการจัดหางาน โชว์ผล 9 เดือน ลุยตรวจต่างชาติกว่า 781,642 คน พร้อมเร่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว หนุนเศรษฐกิจเดินหน้าอย่างมั่นคง
ปัจจุบันประเทศไทยได้จัดให้มีระบบการนำเข้า แรงงานต่างชาติ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อรองรับความต้องการแรงงานในประเทศอย่างเป็นระบบ เช่น การนำเข้าแรงงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงานระหว่างรัฐ (Memorandum of Understanding: MOU) กับประเทศที่ต้องการส่งแรงงานมาทำงานในประเทศไทย รวมถึงการดำเนินมาตรการจดทะเบียนแรงงานผ่อนผันสำหรับแรงงานที่ลักลอบเข้ามาทำงานก่อนหน้านี้ แนวทางเหล่านี้มีส่วนช่วยอย่างมากในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในภาคส่วนที่แรงงานไทยไม่นิยมทำ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต ก่อสร้าง และการเกษตร ขณะที่ยังเป็นกลไกสำคัญในการชดเชยกำลังแรงงานที่ลดลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อการเลือกประกอบอาชีพของคนรุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงงานจำนวนไม่น้อยที่ลักลอบเข้ามาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต หรือแม้แต่การเข้ามาประกอบอาชีพในประเภทที่ไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติทำ ส่งผลต่อทั้งความมั่นคงทางสังคม มาตรฐานแรงงาน และการแข่งขันในตลาดแรงงานไทย ขณะเดียวกัน ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับแรงงานเหล่านี้ที่อาจถูกเอารัดเอาเปรียบ และละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้น การตรวจสอบ ควบคุม และแก้ไขปัญหา แรงงานต่างด้าว อย่างครอบคลุมจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญที่ภาครัฐต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
ชู MOU ปกป้องทั้งแรงงานไทยและต่างชาติ
นายจำนงค์ ทรงเคารพ ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางาน เผยมุมมองต่อการควบคุมและตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างชาติในประเทศไทยว่า แม้การนำเข้า แรงงานต่างชาติ เข้ามาทำงานในประเทศไทยจะมีอุปสรรคและความท้าทายเกิดขึ้น แต่ กรมการจัดหางาน ยังคงยึดมั่นและส่งเสริมให้มีการดำเนินการนำเข้าแรงงานอย่างถูกกฎหมายผ่าน MOU เพื่อควบคุมการนำเข้าแรงงานอย่างเป็นระบบ รวมถึงควบคุมจำนวน แรงงานต่างด้าว ให้สอดคล้องกับความต้องการแรงงานจริงตามขนาดของเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่เพื่อให้มีระบบการบริหารการจัดการแรงงานต่างด้าวที่ดี ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้ขั้นตอนการจ้างแรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ยังมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องสิทธิและโอกาสในการทำงานของแรงงานไทย ดังเช่นประกาศกระทรวงแรงงานเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563 เรื่อง “กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ” ซึ่งถือเป็นการควบคุมการทำงานของแรงงานต่างด้าวในประเทศ โดยกำหนดอาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 4 บัญชีหลัก ได้แก่
- บัญชีหนึ่ง คือกลุ่มอาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวประกอบโดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ของราชอาณาจักร หรือเป็นอาชีพที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพต้องมีสัญชาติไทย โดยรวมทั้งหมด 27 อาชีพ เช่น งานแกะสลักไม้ งานขับขี่ยานยนต์ (ยกเว้นรถยก Forklift) งานขายทอดตลาด งานเจียระไนเพชรพลอย งานตัดผมหรือเสริมสวย งานทอผ้าด้วยมือ งานทำเครื่องทอง เงิน นาก งานมัคคุเทศก์ งานนวดไทย งานบริการทางกฎหมาย และอื่นๆ ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะด้านฝีมือ วัฒนธรรม หรือมีบทบาทสำคัญในอัตลักษณ์ความเป็นไทย
- บัญชีสอง เป็นกลุ่มอาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำเช่นกัน แต่มีข้อยกเว้นให้สามารถทำได้หากมีข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือพันธกรณีที่ประเทศไทยมีความผูกพันไว้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งครอบคลุม 3 วิชาชีพ ได้แก่ วิชาชีพบัญชี วิชาชีพวิศวกรรม และวิชาชีพสถาปัตยกรรม
- บัญชีสาม เป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำในทุกพื้นที่เช่นกัน เว้นแต่จะทำงานได้โดยมี “นายจ้าง” อย่างชัดเจน และได้รับอนุญาตตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด กลุ่มนี้ประกอบด้วยงานฝีมือและกึ่งฝีมือจำนวน 8 งาน เช่น 1.งานกสิกรรม 2.งานช่างไม้ ช่างก่อสร้าง 3.งานทำที่นอน 4.งานทำมีด 5.งานทำรองเท้า 6.งานทำหมวก 7.งานประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย และ 8.งานปั้นเครื่องดินเผา
- บัญชีสี่ เป็นงานที่คนต่างด้าวจะสามารถทำได้ “เฉพาะเมื่อ” มีนายจ้างและเข้ามาในประเทศโดยถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงานระหว่างรัฐ หรือ MOU ที่รัฐบาลไทยทำร่วมกับรัฐบาลประเทศต้นทาง โดยมีเพียง 2 งาน ได้แก่ งานกรรมกร และงานขายของหน้าร้าน ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่มักพบปัญหาการฝ่าฝืนบ่อยครั้ง
ปฏิบัติการเข้ม ลุยจับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
นายจำนงค์ กล่าวเสริมว่า ไม่เพียงเท่านั้น กรมการจัดหางานยังได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการ “เจอ จับ ปรับ ผลักดัน” โดยบูรณาการร่วมกันกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดทั้งฝ่ายแรงงานและนายจ้าง ขณะที่ยังมีการตรวจสอบเชิงรุก เช่น การลงพื้นที่ย่านธุรกิจ ตรวจสอบแรงงานอย่างเข้มงวด ตรวจสอบเรื่องเอกสารใบอนุญาตทำงาน ยังมีการประสานความร่วมมือ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในการลงพื้นที่ตรวจสอบตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
ล่าสุด กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยผลการตรวจจับ แรงงานต่างชาติ ทำงานผิดกฎหมายในประเทศไทยภายใต้ปฏิบัติการ “เจอ จับ ปรับ ผลักดัน” ปีงบประมาณ 2568 (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 30 มิถุนายน 2568) ในสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศ จำนวน 62,022 แห่ง พบมีการกระทำความผิดจำนวน 1,793 แห่ง และตรวจสอบแรงงานต่างชาติ จำนวน 781,642 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 592,641 คน กัมพูชา 107,085 คน ลาว 49,755 คน เวียดนาม 807 คน และสัญชาติอื่นๆ 31,354 คน
นอกจากนี้ มีการดำเนินคดีกับแรงงานต่างชาติทั้งสิ้น 3,654 คน ในจำนวนนี้ พบเป็นการแย่งอาชีพคนไทยถึง 1,281 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 682 คน กัมพูชา 204 คน ลาว 192 คน เวียดนาม 69 คน และสัญชาติอื่นๆ 134 คน โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ 1. งานเร่ขายสินค้า 2. งานตัดผม 3. งานนวด และ 4. งานเสมียนพนักงาน ตามลำดับ ส่วนงานที่คนต่างชาติถูกดำเนินคดีเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ได้แก่ งานขายของหน้าร้าน งานช่างก่อสร้าง และงานกรรมกร ตามลำดับ
สำหรับประชาชนทั่วไปยังสามารถแจ้งเบาะแสแรงงานผิดกฎหมายผ่านสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 หรือช่องทางออนไลน์ของกรมการจัดหางานได้เช่นกัน
สร้างความเข้าใจ–ควบคุมแรงงานต่างชาติ ร่วมแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
นายจำนงค์ ทรงเคารพ ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางาน เผยว่า กรมการจัดหางานให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานต่างชาติอย่างเข้มงวดและเป็นระบบ โดยยึดหลักการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดควบคู่กับการตรวจสอบเชิงรุก เพื่อรับประกันว่าแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยต้องมีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านกระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ มีใบอนุญาตทำงานถูกต้องครบถ้วน และได้รับการคุ้มครองตามสิทธิแรงงานที่พึงมีอย่างเต็มที่
“ขณะเดียวกัน กรมการจัดหางาน ยังให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลในการจ้างงาน ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อโอกาสของแรงงานไทยในตลาดแรงงาน ทั้งนี้ แนวทางที่เราดำเนินการยังรวมถึงการบูรณาการกับหน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และองค์กรในพื้นที่ เพื่อร่วมกันตรวจสอบและควบคุมแรงงานต่างชาติให้เข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง ตลอดจนการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับนายจ้างและประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมายอย่างยั่งยืน” นายจำนงค์ กล่าวสรุป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และทางเฟซบุ๊กแฟนเพจกรมการจัดหางาน







