'อีวาย' เผยรายงานการศึกษาพบ 'ธุรกิจครอบครัว' 500 แห่งทั่วโลก มีรายได้เพิ่มขึ้น 10%

'อีวาย' เผยรายงานการศึกษาพบ 'ธุรกิจครอบครัว' 500 แห่งทั่วโลก มีรายได้เพิ่มขึ้น 10%

อีวาย (EY) เผยรายงานการศึกษาพบว่า ธุรกิจครอบครัว 500 แห่งทั่วโลก มีรายได้เพิ่มขึ้น 10% สร้างรายได้ 8.02 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจครอบครัว 4 แห่งในไทย ติดโผรายชื่อด้วย

29 พฤษภาคม 2566 จากรายงานการศึกษา 2023 EY and University of St.Gallen Family Business Index ซึ่งได้จัดอันดับ 500 ธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่สุดในโลกตามรายได้และมีการเผยแพร่ทุก 2 ปี พบว่า ธุรกิจครอบครัว 500 แห่งทั่วโลก มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโลกและมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วกว่า สามารถสร้างรายได้ 8.02 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการจ้างงาน 24.5 ล้านอัตราทั่วโลก ใน 47 ประเทศ ซึ่งสูงพอจะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามรองจากสหรัฐอเมริกาและจีน 

การดำเนินธุรกิจทั่วโลกมาอย่างยาวนานและความมั่นคง ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของบริษัทที่ติดอันดับประจำปี 2566 โดยกว่าสามในสี่ (76%) จากทั้งหมด ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี และเกือบหนึ่งในสาม (31%) มีอายุกว่าร้อยปี ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทเหล่านี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากลักษณะโครงสร้างคณะกรรมการบริหารบริษัท ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ (23%) ของตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารทั้งหมดเป็นของสมาชิกในครอบครัว และเกือบครึ่งหนึ่ง (45%) มีสมาชิกในครอบครัวดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)

ธุรกิจครอบครัว 4 แห่งในประเทศไทย ติดโผรายชื่อ

จากข้อมูลการศึกษาในรายงานฉบับนี้พบว่า ธุรกิจครอบครัว 17 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรายชื่ออยู่ใน 500 อันดับแรก รวมถึงธุรกิจครอบครัว 4 แห่งจากประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค โดยธุรกิจเหล่านี้ก่อให้เกิดการจ้างงานร่วม 850,000 อัตรา ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (212,836 อัตรา ในไทย) และอายุเฉลี่ยของสมาชิกคณะกรรมการบริหารของธุรกิจเหล่านี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 62 ปี (63 ปี ในไทย)

วรพจน์ อำนวยพาณิชย์ หุ้นส่วน EY ประเทศไทย กล่าวว่า ข้อมูลอายุเฉลี่ยของสมาชิกคณะกรรมการบริหารมากกว่า 60 ปี ชี้ให้เห็นความจำเป็นที่ธุรกิจครอบครัวทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไทยต้องพิจารณาการต่ออายุของคณะกรรมการบริหาร รวมถึงการเปลี่ยนผ่านอำนาจและตำแหน่งไปสู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งควรจะต้องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากธุรกิจครอบครัวมีขนาดและความซับซ้อนเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีแผนการสืบทอดธุรกิจที่ดี แต่มีหลายกรณีที่ธุรกิจครอบครัวประสบปัญหาในการส่งต่อธุรกิจไปยังรุ่นต่อไป โดยมีเหตุมาจากประเด็นปัญหาด้านธรรมาภิบาลหรือความขัดแย้งภายใน ดังนั้นการวางแผนสืบทอดตำแหน่งตั้งแต่เนิ่นๆ การสื่อสารอย่างสม่ำเสมอเพื่อรับมือกับประเด็นเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว

หลายเรื่องต้องเร่งแก้ไข เพิ่มความเสมอภาคทางเพศของสมาชิกคณะกรรมการบริหารบริษัท

แม้ ธุรกิจครอบครัว ที่ประสบความสำเร็จจะได้รับการยอมรับว่าเป็นองค์กรที่มีการปรับตัวรวดเร็ว สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและมีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ยังคงต้องปรับปรุงแก้ไขในเรื่อง ความเสมอภาคทางเพศ โดยในขณะนี้ทั่วโลกมีซีอีโอที่เป็นเพศหญิงประมาณ 6% และมีเพียง 23% ที่ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารจากทั้งหมด สำหรับไทยมีซีอีโอเพศหญิงเพียงหนึ่งในสี่และมีสมาชิกคณะกรรมการบริหารเป็นเพศหญิงไม่ถึง 13% ของตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารทั้งหมด

"ความโดดเด่นที่เพิ่มขึ้นของบริษัทในเอเชียแปซิฟิกน่าสนใจและเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ธุรกิจครอบครัว มีอำนาจทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเพียงใด ซึ่งน่าติดตามต่อไปว่าบริษัทที่ก่อตั้งมายาวนานเหล่านี้จะทำอย่างไรเพื่อให้สามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีในปัจจุบัน อีกทั้งบทบาทของคนรุ่นถัดไปในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้จะเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง" วรพจน์ กล่าวปิดท้าย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Family Business Index 2023 ได้ที่เว็บไซต์ โดย คลิกที่นี่