จุดพลังนวัตกรไทย ปั้น 'จักรวาลสุขภาวะ' ยั่งยืน PM Award for Health Promotion Innovation 2025

ปั้นเมล็ดพันธุ์นวัตกรรุ่นใหม่ ผ่านโครงการ "Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2025" เวทีที่ช่วยยกระดับความสามารถคนรุ่นใหม่ ในการพัฒนาเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ และกระบวนการต่างๆ เพื่อปั้น "จักรวาลสุขภาวะ" ยั่งยืนให้กับทุกคน
ความท้าทายด้านสุขภาวะของสังคมไทยในปัจจุบัน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแพทย์ แต่คือการต่อสู้กับ "พฤติกรรมเสี่ยง" ที่ซับซ้อน ทั้งอุบัติเหตุทางถนน โรค NCDs และภัยคุกคามใหม่ๆ อย่างบุหรี่ไฟฟ้า
ในการลงทุนด้านสุขภาวะเพื่อคนไทย ในอนาคต สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ไม่ได้เลือกที่จะใช้วิธีรณรงค์แบบเดิมๆ แต่เลือกที่จะลงทุนใน "พลังแห่งการสร้างสรรค์" และ "เทคโนโลยีเชิงรุก" ผ่านโครงการประกวดนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ที่บ่มเพาะความคิดใหม่ๆ จากสตาร์ตอัป เยาวชน ไปจนถึงประชาชนทั่วไป สู่การสร้าง "นวัตกรเพื่อสังคม" ที่มีศักยภาพในการพลิกโฉมคุณภาพชีวิตคนไทย
การประกาศผลรางวัล "Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2025" ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำว่า นวัตกรรมคือ "หัวใจสำคัญเชิงยุทธศาสตร์" ในการแก้ไขปัญหาสุขภาวะของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความท้าทายทางสังคมมีความซับซ้อนและเร่งด่วน
การมอบรางวัลครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การยกย่อง แต่คือการชี้ให้เห็นถึง "ต้นแบบ" ที่พร้อมจะสร้างอิมแพกต์ในระดับมหภาค เช่นเคย ปีนี้การจัดงานได้ทั้งผลงาน และ "นวัตกรรมหน้าใหม่" จำนวนหลักหลายร้อยคนที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง โดยเฉพาะผู้ชนะรางวัลในแต่ละประเภท ยังเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสะท้อนมุมมองการแก้ไขปัญหาที่เฉียบคมและทันต่อโลกยุคใหม่
Drive Guard เมื่อ AI ก้าวเข้ามาเป็น "ยามเฝ้าชีวิต" บนท้องถนน
ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนคือ "วิกฤติเรื้อรัง" ที่คร่าชีวิตคนไทยกว่า 14,000 คนต่อปี และสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล
ทีม AiHUB ภายใต้ชื่อ Drive Guard จึงได้พัฒนาระบบที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ ไปสู่การป้องกันด้วยเทคโนโลยี AI และ IoT ที่มีความแม่นยำและรวดเร็ว แรงจูงใจของผู้พัฒนานั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง : "เทคโนโลยีที่จะช่วยพาทุกคนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย" ระบบนี้มุ่งจัดการปัจจัยเสี่ยงหลัก 4 ประการที่เป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรม ได้แก่ การขับรถเร็ว ภาวะหลับใน เมาสุราแล้วขับ และการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
ผลลัพธ์จากการนำไปทดลองใช้จริงในภาคโลจิสติกส์ ของจังหวัดราชบุรีได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน บริษัทขนส่งสามารถลดอุบัติเหตุจาก 10 ครั้ง/ปี เหลือเพียง 1 ครั้ง/ปี หรือลดลงกว่า 90% และยังลดจำนวนใบสั่งจราจรได้กว่าครึ่ง นี่ไม่ใช่แค่การประหยัดค่าซ่อมรถ แต่คือการลดต้นทุนทางสังคม (Social Cost) ที่เกิดจากการสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บพิการ ผู้ประกอบการสามารถติดตามพฤติกรรมคนขับได้ ทำให้เกิด "ความตระหนักด้านความปลอดภัย" ที่ยั่งยืน ทีม AiHUB มีวิสัยทัศน์ที่จะขยายผลระบบนี้ร่วมกับภาครัฐ โดยหวังว่าการสนับสนุนจากภาครัฐจะช่วยลดต้นทุนและขยายการเข้าถึงของเทคโนโลยีช่วยชีวิตนี้สู่สาธารณชนให้มากที่สุด
QuitUp กับสติกเกอร์ลดบุหรี่ไฟฟ้า นวัตกรรมคนหัวใจอาชีวะ ที่เปลี่ยนการเลิกบุหรี่ให้เป็นแฟชั่น
ในมิติของการป้องกันโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และการจัดการกับพฤติกรรมเสี่ยงใกล้ตัว ยังได้สองทีมจากระดับเยาวชนนำเสนอโซลูชันที่เน้นการเข้าถึงและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างมีกลยุทธ์
เริ่มจากทีมแรก จากรั้วอาชีวศึกษา QuitUp ซึ่งเล็งเห็นปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่วัยรุ่น จึงคิดค้น "สติกเกอร์กลิ่นบำบัด" ขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกในการเลิกบุหรี่ที่ไม่ต้องพึ่งพานิโคตินบำบัด นวัตกรรมนี้ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น พริกไทยดำ เพื่อลดความอยากนิโคติน และเปปเปอร์มินต์ กับลาเวนเดอร์ เพื่อลดความเครียดและเพิ่มสมาธิ สติกเกอร์ถูกออกแบบให้มีลวดลายแฟชั่น เพื่อลดการถูกตีตรา ซึ่งเกิดด้วยแรงผลักดันจากความห่วงใยเพื่อนฝูง
การใช้กลไกสมุนไพรในรูปแบบแฟชั่น
ทีมพัฒนา "สติกเกอร์ลดบุหรี่" เริ่มต้นจากการมองหาจุดบกพร่องของผลิตภัณฑ์เดิม เช่น ยาดมทั่วไปที่พกพายากและมักหาย จึงต้องซื้อบ่อยครั้ง พวกเขาจึงคิดค้นสติกเกอร์ที่สามารถติดบนร่างกายได้นาน 7-8 ชั่วโมง พกพาสะดวก มีราคาไม่แพง (หลักสิบ) ทำให้วัยรุ่นเข้าถึงได้ง่าย นวัตกรรมนี้แตกต่างจากแผ่นแปะช่วยเลิกบุหรี่ในตลาดที่ใช้สารนิโคตินบำบัด โดยทีมอาชีวะเลือกใช้พลังของสมุนไพรและส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่สำคัญการออกแบบสติกเกอร์มีลวดลายน่ารักเหมือนแฟชั่นทั่วไป เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกตีตรา หรือถูกระบุว่าสูบบุหรี่ ซึ่งแสดงถึงความเข้าใจมิติทางสังคมและจิตวิทยาของวัยรุ่นอย่างแท้จริง
ทีมได้ทดลองกับนักศึกษา 100 คนในวิทยาลัย และพบว่า สามารถลดจำนวนครั้งในการสูบบุหรี่ต่อวันลงได้ประมาณครึ่งหนึ่ง (เช่น จาก 15 ครั้ง เหลือ 7-8 ครั้ง) และได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากแบบประเมินออนไลน์
ปัจจุบันสติกเกอร์ยังอยู่ในช่วงทดลอง โดยเปิดให้ลงทะเบียนและใช้ฟรีในวิทยาลัย และมีแผนที่จะขยายผลไปยังวิทยาลัยใกล้เคียงและโรงพยาบาลในอนาคต
แผ่นรองเท้าอัจฉริยะ : พลิก "ความขี้เกียจ" เป็น "ความสนุก" ผ่านการเล่นเกม
แผ่นรองเท้าอัจฉริยะ (Smart Insole) เป็นนวัตกรรมที่เกิดจากแรงบันดาลใจของสองคนรุ่นใหม่ผู้พัฒนาจากทีม GGroup คือ ความไม่ชอบออกกำลังกาย แต่ต้องการสร้างเครื่องมือกระตุ้นตัวเองและผู้อื่นให้ออกกำลังกายมากขึ้น ด้วยมีพื้นฐานและความสนใจด้านนวัตกรรมสุขภาพตั้งแต่ระดับมัธยมต้นอยู่แล้ว
หัวใจของนวัตกรรมนี้ คือ Gamification แอปฯ จะกำหนดภารกิจการเดินสะสมก้าวเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับ "เหรียญ" เหรียญที่ได้สามารถนำไปแลกเป็นสีไฟต่างๆ สำหรับแผ่นรองเท้าได้ ผู้พัฒนาเชื่อว่าการมีสีไฟที่หลากหลายและไม่เหมือนใครนี้จะช่วยกระตุ้นให้วัยรุ่นอยากอวดและแข่งขันกัน ทำให้การเดินกลายเป็นเรื่องสนุกเหมือนการเล่นเกม
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อยู่ในขั้นต้นแบบโดยฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การนับก้าวและการทำภารกิจทั่วไป ใช้งานได้จริง 100%
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในด้านภารกิจตามสถานที่จริง ซึ่งต้องอาศัยพันธมิตร และการพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องใช้ทีมงานขนาดใหญ่กว่าสองคน ในอนาคต ทีมมีแผนเพิ่มฟีเจอร์ "ผจญภัย" (adventure features) คล้ายกับเกม Pokémon Go เพื่อเพิ่มความน่าสนใจยิ่งขึ้น
สสส. ไม่ได้ให้ปลา แต่ให้ "เบ็ดตกนวัตกรรมมา"
รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม กรรมการกองทุน สสส. เน้นย้ำว่า การประกวดนี้คือการเปิดกว้างให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสุขภาพที่ประเทศกำลังเผชิญ
ด้าน นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. อธิบายถึงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ว่า สสส. ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การได้มาซึ่งผลผลิต (Product) แต่คือการ สร้างกระบวนการ (Process) และการสร้างคน (People) โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา มีทีมส่งผลงานเข้าร่วมกว่า 1,660 ทีม และเพาะเมล็ดพันธุ์นวัตกรรุ่นใหม่กว่า 600 คน การประกวดมีเป้าหมายสามมิติสำคัญคือ 1) สนับสนุนนวัตกรรุ่นใหม่ในการสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาสุขภาพที่ใช้งานได้จริง 2) พัฒนาศักยภาพนวัตกรให้มีทักษะการพัฒนาต้นแบบและพร้อมขยายผลเชิงพาณิชย์ และ 3) ส่งเสริมการประยุกต์ใช้แนวคิดการสร้างเสริมสุขภาพในการพัฒนาเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ และกระบวนการ
"นวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ คือ เครื่องมือที่เชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชน ประชาชน และภาคีเครือข่าย นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งด้านนโยบาย สิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมสุขภาวะดี 4 มิติ" นพ.พงศ์เทพ กล่าว
กว่าจะเป็น "Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation"
รางวัล "Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation" อาจไม่ได้เป็นเพียงพิธีมอบโล่รางวัลประจำปี แต่คือกระจกสะท้อนการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของสังคมไทย จากการจุดประกายพลังคนรุ่นใหม่ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการสร้างเสริมสุขภาพ
รางวัล "Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation" จึงเป็นมากกว่าการแข่งขัน แต่คือ การสร้าง Ecosystem ที่ส่งเสริมนวัตกรรมทางสังคมและสุขภาวะ โดยใช้เยาวชนและสตาร์ตอัปเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม สู่สังคมที่ใส่ใจสุขภาพและมีความปลอดภัยมากขึ้นในอนาคตอันใกล้







