Persona ท้าทำ 60 วันขยับปรับหวาน เมื่อ AI เข้ามาเป็นเพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพ

แอปพลิเคชัน "Persona Health" ช่วยวิเคราะห์สุขภาพส่วนบุคคล พร้อมภารกิจ "ท้าทำ 60 วันขยับปรับหวาน" ที่จะช่วยเป็นแรงเสริมให้กับ "คนวัยทำงาน" ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างยั่งยืน และห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ต่างๆ
เรื่องจริงที่ว่า ชีวิตของ คนวัยทำงาน มักหมุนไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ตื่นเช้าจนถึงค่ำคืนก็ล้วนหมดแรงจากภารกิจงานประจำ บ่อยครั้งจึง "หลงลืม" และ "ละเลย" ที่จะใส่ใจดูแลสุขภาพ และนั่นคือที่มาของภัยเงียบสุขภาพ คือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ต่างๆ นำโด่งมาอันดับหนึ่งน่าจะไม่พ้นเบาหวาน ตามด้วยความดัน, โรคหัวใจ, หลอดเลือดตีบ ไปจนถึงมะเร็ง ล้วนสร้างความทุกข์กายใจให้ในยามบั้นปลายไม่น้อย
น่ากังวลที่ว่า ภาพรวมของสถานการณ์โรคเบาหวานทั่วโลก กำลังมี "ประชากร 1 ใน 10 คนทั่วโลก หรือราว 537 ล้านคน ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และเสียชีวิต 4 ล้านคนต่อปี" และคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 783 ล้านคนในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่ง 90% ของผู้ป่วยเหล่านี้คือโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดจากพฤติกรรม
สะท้อนให้เห็นว่าโรคเหล่านี้กำลังคร่าชีวิตผู้คนในวัยทำงาน ด้วยพฤติกรรมเสี่ยงที่สะสมมานาน ทั้งการกินหวาน มัน เค็ม การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการขาดการออกกำลังกาย นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องของใครคนเดียว แต่เป็นโจทย์สำคัญที่สังคมกำลังเผชิญ
ภายหลังการเดินทางสร้างสุขภาวะ กับการมุ่งเป้าหมาย อยากให้คนไทยห่างไกลจาก NCDs มาอย่างยาวนาน ล่าสุด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้นำนวัตกรรมใหม่ ได้แก่ แอปพลิเคชัน Persona Health มาเป็นอีกเครื่องมือสร้างสุขภาพดีให้คนไทยทดลองใช้ ซึ่งหลังมีการทดลองมาระยะหนึ่ง
ล่าสุด สสส. นำร่องเปิดตัว Persona Health อย่างจริงจัง ด้วยภารกิจ "Persona ท้าทำ 60 วันขยับปรับหวาน" ที่เป็นการชวน 12 องค์กรที่มีเป้าหมาย "อยากสร้างสุขให้พนักงาน" ร่วมกันปั้นภารกิจ ซึ่งผลลัพธ์จากโครงการ ยังสะท้อนให้เห็นคำตอบที่ว่า คนไทยสามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องพึ่งพายาหรือการรักษา แต่เป็นการกลับมาดูแลสุขภาพตัวเองอย่างมี "วินัย" โดยใช้ "นวัตกรรม" เป็นตัวช่วย
60 วันขยับปรับลดโรค ด้วย Persona Health
พงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวว่า ภารกิจ 60 วันท้าขยับปรับหวาน เกิดจากแนวคิดที่ว่า สสส. ในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริมสุขภาวะแบบองค์รวม ได้ให้การสนับสนุนองค์ความรู้ เครื่องมือ และนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ชวน คนวัยทำงาน ในสถานประกอบการนำร่อง 12 แห่ง ใช้แอปพลิเคชัน Persona Health ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสุขภาพ พร้อมให้ภารกิจปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่เหมาะกับแต่ละบุคคล
โครงการนี้ สะท้อนให้เห็นว่าการ "ขยับ" และ "ปรับหวาน" ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่สามารถทำได้จริงและเห็นผลจริง ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากการสนับสนุนของทีมผู้บริหาร ฝ่ายบุคคล และทีมสร้างเสริมสุขภาพในแต่ละองค์กร ร่วมกันกระตุ้นและผลักดันให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กรที่เป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพให้กับพนักงาน และแอปพลิเคชัน Persona Health ซึ่งหลังเดินหน้ากับภารกิจครบ 60 วัน โครงการนี้มีผลลัพธ์ตัวเลขเป็นบทสรุปที่น่าประทับใจ นั่นคือผู้เข้าร่วมมีค่าน้ำตาลในเลือดลดลง 60.4% มีมวลไขมันลดลง 54.2% มีดัชนีมวลกายเข้าสู่เกณฑ์ปกติเพิ่มขึ้น 50.8%
เมื่อ AI เข้ามาเป็นเพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพ
นครินทร์ ภระมรทัต รักษาการผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ด้วยความเข้าใจในต้นตอของปัญหา สสส. จึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Persona Health นี้ขึ้นมา แอปพลิเคชันนี้ ไม่ใช่แค่แหล่งข้อมูลสุขภาพทั่วไป แต่เป็นเหมือนเพื่อนดิจิทัลที่คอยวิเคราะห์และมอบภารกิจสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ Personal Health ของสสส. คือระบบส่งเสริมสุขภาพส่วนบุคคลที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์ความต้องการและข้อมูลเฉพาะบุคคล เพื่อนำเสนอสื่อองค์ความรู้และบริการที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือส่งเสริมข้อมูลเท่านั้น แต่เป็นตัวเสริมกระบวนการดูแลสุขภาพให้มีประสิทธิภาพและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น
คุณสมบัติหลักของ Personal Health จะเป็นทั้งเครื่องมือคัดกรองและวิเคราะห์ส่วนบุคคลด้วย AI ซึ่งระบบจะคัดกรองความต้องการและประมวลผลข้อมูลตั้งแต่เพศ วัย อายุ และภาระโรคเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ตรงกับความสนใจและความจำเป็นของแต่ละบุคคลมากที่สุด โดยความสำเร็จของ Persona App เกิดจากการมี "ฐานข้อมูลความรู้สุขภาพที่แข็งแกร่ง" เนื่องจากสสส. เองมีสื่อสุขภาพจำนวนมหาศาล ที่สสส. ผลิตขึ้นมา โดยทางทีมดีเวลลอปเปอร์นั้นจะคัดสรรให้ข้อมูลต่างๆ ไม่ถูกส่งไปอย่างสับสน แต่จะถูกกลั่นกรองให้เหลือเพียงสิ่งที่ผู้ใช้แต่ละคนต้องการและจำเป็นต้องรู้จริงๆ
เปลี่ยนพื้นที่เสี่ยง สู่พื้นที่สร้างสุข(ภาวะ)
นอกจากนี้ มีหนึ่งในองค์กรที่รับความท้าทายภารกิจการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อพนักงานนั้นคือ บริษัท อุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย จำกัด (มหาชน) ทิพวรรณ อังศิริ ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมจาก บริษัท อุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงงานของตนมีพนักงานกว่า 3,000 คน และลักษณะงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับความร้อนสูง ทำให้การดูแลสุขภาพพนักงานเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก พนักงานส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย 48-49 ปี พบปัญหาโรค NCDs สูง โดยพบว่าพนักงานที่มีค่า BMI เกินเกือบ 50%
ทิพวรรณ กล่าวเพิ่มว่า เคยมีพนักงานอายุน้อยเพียง 37 ปี เกิดภาวะหัวใจวายขณะทำงาน ทำให้บริษัทฯ ตระหนักว่าโรค NCDs ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงได้ดำเนินมาตรการส่งเสริมสุขภาพมานานกว่า 6-7 ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ด้านโภชนาการ การจัดทำเมนูทางเลือกสุขภาพในโรงอาหาร หรือการสร้างโซนออกกำลังกายที่เหมาะสม และตนมองว่าการเข้าร่วมภารกิจ Persona ท้าทำ 60 วันขยับปรับหวาน จึงเป็นการเติมเต็มสิ่งที่บริษัทฯ ทำอยู่แล้วให้สมบูรณ์ขึ้น เมื่อบริษัทฯ ส่งเสริมให้พนักงานนำชุดความรู้การดูแลสุขภาพ บนแอปพลิเคชัน Persona Health มาปรับใช้ พร้อมทั้งประกาศนโยบายให้พนักงานใช้เวลาทำงานเข้าร่วมภารกิจได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสุขภาพของพนักงานคือสิ่งที่ผู้บริหารให้ความสำคัญอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งเสียงสะท้อนของ อมรรัตน์ แซ่ลิ่ม หนึ่งในผู้เข้าร่วมภารกิจ ได้แบ่งปันเรื่องราวส่วนตัวที่สะท้อนถึงพลังของการเปลี่ยนแปลง ได้เล่าว่า ก่อนเข้าร่วมโครงการ ตนมีพฤติกรรมชอบทานอาหารแปรรูป ขนม และเครื่องดื่มรสหวานเป็นประจำ จนค่า BMI อยู่ในภาวะอ้วน จึงตัดสินใจเข้าร่วมภารกิจฯ ซึ่งการใช้แอปพลิเคชัน Persona Health ในการดูแลสุขภาพมีความเหมาะกับวิถีชีวิตของคนวัยทำงานอย่างมาก โดยแอปพลิเคชันนี้มอบทั้งความรู้ด้านการกิน การออกกำลังกาย และภารกิจท้าทายที่ช่วยสร้างวินัยให้กับตนเอง หลังผ่านไป 60 วัน ผลตรวจสุขภาพก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีอาการเวียนหัว ค่าน้ำตาลในเลือดลดลง และค่าความดันโลหิตลดลงเป็นค่าปกติ
ก้าวต่อไปของ Personal Health
Personal Health มีฟังก์ชันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ การมอบภารกิจท้าทาย เพื่อผลักดันการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และยังมีการรวบรวมบริการสุขภาพในพื้นที่จากภาคีเครือข่ายของสสส. เช่น ศูนย์สุขภาพใกล้บ้าน ร้านอาหารสุขภาพ หรือจุดบริการสำหรับเลิกบุหรี่
แอปพลิเคชัน Persona Health เริ่มต้นจากการเป็นโครงการทดลองมาแล้วกว่า 4-5 ปี โดยการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มหลักของประเทศอย่างสปสช. หรือแอปพลิเคชันเป๋าตัง และได้ถูกทดสอบอย่างจริงจังกับ 12 องค์กร ในครั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ สสส. มั่นใจในประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน
"จากที่ได้เห็นตัวอย่างจากบุคคลต้นแบบทั้ง 6 ราย ในโครงการนี้ ทำให้เห็นว่าการมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนั้น นอกจากแอปพลิเคชันจะทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องมือแจ้งเตือนแล้ว การเพิ่มกลไกเสริมอื่นๆ เข้าไปจะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น เช่น การสร้างภารกิจท้าทาย หรือการรวมกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อให้เกิดการกระตุ้นและเตือนกันเอง เพราะ Persona Health ไม่ได้เป็นเครื่องมือหลักที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นตัวเสริม ที่จะช่วยให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น"
นอกจากนี้ ในปีหน้ามีแผนจะพัฒนา AI Chatbot เพื่อให้แอปฯ สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้เหมือน "เพื่อนคู่คิด"
นครินทร์ กล่าวอีกว่า สสส. ยังคงเดินหน้ากับการพยายามทำให้ Persona Health เป็นที่รู้จักและนำไปใช้มากขึ้นในกลุ่มประชาชน โดยความท้าทายหลักของงานนี้ คือการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานที่ใช้งานอย่างต่อเนื่อง จึงพยายามในการเพิ่มความหลากหลายของเนื้อหา และสร้างแคมเปญเฉพาะกิจเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้สนใจใหม่ๆ เช่น กลุ่มนักวิ่ง เพื่อให้ Persona Health สามารถเข้าถึงผู้คนได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
สำหรับก้าวต่อไป สสส. ยังมีแผนที่จะเพิ่มผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดทำแคมเปญเฉพาะกิจ และการสร้างแคมเปญสำหรับกลุ่มเฉพาะ เช่น กลุ่มคนรักการวิ่ง เป็นต้น







