5 ปัจจัยหนุน "ตลาดหุ้นแดนมังกร"

5 ปัจจัยหนุน "ตลาดหุ้นแดนมังกร"

วิเคราะห์ 5 ปัจจัยหนุน "ตลาดหุ้นแดนมังกร" หลังสถานการณ์กดดันหลายๆ อย่างเริ่มคลี่คลาย ทั้งประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ ความเสี่ยงภาคอสังหาฯ รวมถึงการถอดถอนหุ้นจีนจากตลาดสหรัฐฯ ส่วนจะมีปัจจัยหนุนใดบ้าง ติดตามได้จากบทความนี้

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หุ้นจีน ถูกกดดันจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน หลังจากที่ทางการจีนได้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญ ทำให้โรงงานหลายแห่งต้องหยุดชะงัก ปัญหาความเสี่ยงเรื่องภาคอสังหาฯ และความเสี่ยงที่หุ้นจีนจะถูกถอดถอนออกจากการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันความเสี่ยงต่างๆ เริ่มคลี่คลาย และได้เห็นสัญญาณบวกที่จะมาหนุนตลาดหุ้นจีน ได้แก่

1. จีนยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ถึงแม้ว่าปัจจุบันธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลกได้หันมาเข้มงวดนโยบายการเงิน อย่างการเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้น แต่ทางด้านฝั่งธนาคารจีนยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงิน สวนทางกับประเทศอื่นๆ อยู่ โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางธนาคารจีนได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีลง 0.10% อยู่ที่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Reverse Repo) ระยะ 7 วันลง 0.10% อยู่ที่ระดับ 2.0% ซึ่งเป็นการสร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาด นอกจากนี้ จีนยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์ให้ลูกค้าชั้นดีระยะ 1 ปี (1-Year LPR) ลง 0.05% อยู่ที่ 3.65% ในสัปดาห์ถัดมาอีกด้วย ซึ่งจีนถือเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงิน

จีนผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2021

5 ปัจจัยหนุน "ตลาดหุ้นแดนมังกร"

ที่มา : Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (ESU)

2. รัฐบาลอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านหยวน

ทางด้านนโยบายการคลัง ทางการจีนได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านหยวน หรือราว 146 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในวงเงิน 1 ล้านล้านหยวนนี้ ทางการจีนจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน 19 มาตรการ อาทิ มาตรการสนับสนุนสินเชื่อ การออกพันธบัตรและพันธบัตรพิเศษ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการอุดหนุนภาคการเกษตร

การที่จีนยังคงผ่อนคลายทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลังนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของการล็อกดาวน์ เนื่องจากจีนยังคงใช้มาตรการ Zero-COVID และเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในภาคอสังหาฯ ในจีนอีกด้วย

3. จีนและสหรัฐฯ ร่วมมือกันหารือเรื่องการตรวจสอบบัญชีบริษัทจีนในสหรัฐฯ ลดความเสี่ยงหุ้นจีนถูกถอดถอนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมา หุ้นจีน ในสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะถูกถอดถอนจากการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากทาง ก.ล.ต. สหรัฐฯ ต้องการให้ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ รวมถึงการเปิดเผยรายงานตรวจสอบบัญชีตามกฏหมายการถือครองบริษัทต่างประเทศ (HFCAA) ขณะที่บริษัทจีนหลายแห่งไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องในการเปิดเผยข้อมูลแก่สหรัฐฯ ได้ ทำให้บริษัทจีนมีความเสี่ยงที่จะถูกถอดถอนออกจากการซื้อขายในตลาดสหรัฐฯภายในปี 2024 สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุน เนื่องจากมีบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ กว่า 200 แห่ง

อย่างไรก็ดี ล่าสุดคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์จีน (CSRC) และคณะกรรมการกำกับดูแลการบัญชีบริษัทมหาชนของสหรัฐฯ (PCAOB) ก็ได้มีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในการตรวสอบเอกสารของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยทาง PCAOB มีแผนที่จะเข้าตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบริษัทจีนในช่วงเดือนกันยายนนี้ ก่อนที่จะทำการประเมินความร่วมมือของจีนในเดือนธันวาคม

จากที่ทางหน่วยงานจีนและสหรัฐฯ หันมาเจรจาหาข้อตกลงกันประเด็นการเปิดเผยข้อมูล ทำให้ความเสี่ยงเรื่องการที่บริษัทจีนที่จะถูกถอดถอนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง โดยจากทาง Goldman Sachs ได้มีการประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจีนจะถูกถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เหลือเพียง 50% จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 95% ในช่วงเดือนมีนาคม และจะส่งบวกต่อหุ้นจีน

4. ทางการจีนเตรียมปล่อยกู้พิเศษ 2 แสนล้านหยวน หรือ 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่บริษัทอสังหาฯ

ทางการจีนเตรียมปล่อยกู้พิเศษ 2 แสนล้านหยวน หรือ 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่บริษัทอสังหาฯ โดยเงินปล่อยกู้ยืมพิเศษนี้ มุ่งเน้นเพื่อช่วยผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ ให้สามารถนำเงินไปสร้างโครงการให้เสร็จ และสามารถส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อได้ หลังจากที่ภาคอสังหาฯ ในจีนประสบปัญหาวิกฤติสภาพคล่อง เนื่องจากประชาชนจีนมีการปฏิเสธที่จะจ่ายค่าผ่อนบ้าน เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นในผู้ประกอบการ

ทางการจีนจะปล่อยกู้ยืมผ่านธนาคารอาทิ China Development Bank, Agricultural Development Bank of China และ Export-Import Bank of China โดยทางการจีนจะทำการช่วยเหลือดอกเบี้ยแก่ธนาคารที่ 1% ระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ขณะที่จะเงินกู้นี้จะมีอายุไม่เกิน 3 ปี โดยในช่วง 2 ปีแรกจะคิดดอกเบี้ย 2.8% และในปีที่ 3 ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 3.2% และหากผู้ประกอบการไม่ชำระหนี้ภายใน 3 ปี ดอกเบี้ยปีต่อไปจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากดอกเบี้ยในปีที่ 3 ซึ่งการที่ทางการจีนปล่อยกู้เงินพิเศษให้แก่ผู้ประกอบการนี้จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถก่อสร้างโครงการได้สำเร็จ และส่งมอบให้แก่ประชาชนต่อไปได้

5. ความคืบหน้าวัคซีน mRNA ของจีน

ในปัจจุบันประชาชนชาวจีนยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 แบบ mRNA ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ทางรัฐบาลจีนยังคงใช้มาตรการควบคุมไวรัสอย่างเข้มงวด หรือนโยบาย Zero-COVID และยังคงจำกัดการเดินทางเข้าออกประเทศ

อย่างไรก็ดี ล่าสุดบริษัทยาสัญชาติจีน CSPC Pharmaceutical Group ได้ออกมาประกาศถึงความคืบหน้าในการคิดค้นวัคซีนป้องกัน COVID-19 แบบ mRNA ซึ่งสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์ Omicron ได้ โดยมองว่าหากในอนาคตข้างหน้าจีนสามารถคิดค้นวัคซีน mRNA ได้สำเร็จจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับทั้งจีนเองและทั่วโลก หากจีนสามารถกลับมาเปิดประเทศได้อีกครั้ง

มองว่าปัจจัยกดดัน ตลาดหุ้นจีน อย่างประเด็นการถอดถอนหุ้นจีนจากตลาดสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลายขึ้น อีกทั้งทางด้านทางการจีนและธนาคารจีนยังคงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง บวกกับในวันที่ 16 ตุลาคม 2565 นี้ จะมีการจัดประชุมเลือกผู้นำ (National Congress) ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยจากข้อมูลในอดีต ตลาดหุ้นจีน มักจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนการประชุม ดังนั้นจึงมองว่าแม้ระยะสั้นๆ ตลาดหุ้นจีนจะดูเหมือนผันผวนสูง แต่โอกาสที่ตลาดหุ้นจะผ่านจุดต่ำสุด และสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ย่อมมีโอกาสมากขึ้น

ที่มา : Bloomberg, Caixin Global, Goldman Sachs, TISCO Economic Strategy Unit (ESU)

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมา และพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสม และรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยง และเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 -2633-6000 กด 4, 0-2080-6000 กด 4 และ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds