เจาะโอกาสในอินโดนีเซีย ตลาดพลังงานและสาธารณูปโภค ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

โอกาสในอินโดนีเซียอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของการเติบโตภาคอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้น ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบการบริการโลจิสติกส์ ท่าเรือและคลังสินค้า เครือข่ายพลังงาน และระบบจัดการน้ำ
ในโลกของการลงทุนด้านพลังงาน ไม่มีเวทีใดคึกคักเท่าอินโดนีเซียในเวลานี้ ประเทศหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน จากอดีตที่เคยพึ่งพาถ่านหินอย่างมาก สู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดและก๊าซธรรมชาติ อินโดนีเซียจึงไม่เพียงเป็นตลาดใหญ่ แต่กำลังกลายเป็นสมรภูมิแห่งโอกาสที่นักลงทุนพลังงานระดับโลกต่างจับจ้อง
รัฐบาลอินโดนีเซีย ประกาศแผนการจัดหากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ RUPTL (The National Electricity Supply Plan) ฉบับล่าสุด ปี ค.ศ. 2025-2034 โดยตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ 40.6 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าครึ่งราว 52% จะมาจากพลังงานหมุนเวียนโดยแผนนี้จะพลิกโฉมสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนจากประมาณ 12% ในปัจจุบัน เป็น 35% ภายในปี ค.ศ. 2034 โดยเน้นการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ 17 กิกะวัตต์ (พร้อมระบบแบตเตอรี่) พลังน้ำ 16 กิกะวัตต์ พลังงานความร้อนใต้พิภพ 5 กิกะวัตต์ รวมถึงพลังงานลมและพลังงานชีวภาพ
แม้จะยังมีการลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ราว 5 กิกะวัตต์ และไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติอีก 15 กิกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าพื้นฐานบนเกาะชวาโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศระงับการอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 โดยจะอนุญาตเฉพาะโครงการที่กำลังดำเนินการ ซึ่งโครงการต้องมีแผนการลดการปล่อยมลพิษอย่างชัดเจน
ปัจจุบัน อินโดนีเซีย อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของการเติบโตภาคอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้น ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบการบริการโลจิสติกส์ ท่าเรือและคลังสินค้า เครือข่ายพลังงาน และระบบจัดการน้ำ ขณะเดียวกันบริษัทไฟฟ้ารัฐบาลอย่าง PLN ก็เร่งขยายโครงข่ายเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและประชากรที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีการประเมินว่าการลงทุนในทศวรรษนี้อาจแตะระดับหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา
สำหรับ EGCO Group ได้เข้าลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ผ่านธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจเชื้อเพลิง สาธารณูปโภค และธุรกิจไฟฟ้า อาทิ เหมืองถ่านหิน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (ปัจจุบันได้ขายหุ้นดังกล่าวแล้ว) จนถึงล่าสุดคือ การลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภค ผ่านการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน "พีที จันทรา ดายา อินเวสตาสิ" (PT Chandra Daya Investasi) หรือ CDI Group
CDI Group เป็นบริษัทให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร ทั้งธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจบริหารจัดการคลังเก็บผลิตภัณฑ์เคมีและท่าเทียบเรือ และธุรกิจโลจิสติกส์ผ่านการขนส่งทางเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ยุทธศาสตร์และนิคมอุตสาหกรรมเมืองซีเลกอน (Cilegon) และเมืองเซรัง (Serang) จังหวัดบันเต็น (Banten) เกาะชวาตะวันตก โดย CDI Group ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ที่ผ่านมา
การลงทุนใน CDI Group ไม่เพียงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงให้แก่ EGCO Group แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง EGCO Group และ Chandra Asri Group (CAP) ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน CDI Group ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้านพลังงาน เคมีภัณฑ์ และโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร ความร่วมมือนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ EGCO Group ในการขยายธุรกิจที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอาเซียน
อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียอาจไม่ใช่ตลาดที่ง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยโอกาสอันมหาศาลสำหรับนักลงทุนด้านพลังงาน ความเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและนโยบาย รวมถึงความผันผวนของอัตราค่าไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงความท้าทาย หากแต่คือบททดสอบที่ช่วยคัดกรองผู้เล่นที่พร้อมจริง เพราะในโลกของธุรกิจพลังงาน "ความเสี่ยงคือราคาของโอกาส" นักลงทุนที่มีสายป่านยาว จับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง และมีกลยุทธ์บริหารสินทรัพย์ การเงิน และความเสี่ยงอย่างรอบด้าน จะมีศักยภาพในการคว้าชัยชนะครั้งใหญ่ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในหนึ่งในตลาดพลังงานที่น่าจับตามากที่สุดในภูมิภาค







