'DJSI' ยกระดับธุรกิจไทย สู่มาตรฐานความยั่งยืนระดับโลก โดย ดร.จิราพร ศิริคำ

คอลัมน์ "Energizing sustainable future" นำเสนอเรื่อง "DJSI ยกระดับธุรกิจไทย สู่มาตรฐานความยั่งยืนระดับโลก" โดย ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group
เมื่อ ความยั่งยืน หรือ Sustainability เป็นกติกาสำคัญในโลกของการดำเนินธุรกิจมามากกว่าทศวรรษ และมีดัชนีชี้วัดมากมายทั้งระดับสากลและประเทศ เช่น MSCI ESG Index, FTSE4Good Index และ SET ESG Ratings เป็นต้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผู้อ่านน่าจะคุ้นเคยกับชื่อดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) หรือ "DJSI" กันมาบ้าง เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องหมายสำคัญที่การันตีความยั่งยืนในทุกมิติสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัททั่วโลก หากจะเปรียบเทียบกับวงการอาหารก็คงจะเทียบได้กับรางวัล "มิชลิน" ที่เป็นสัญลักษณ์การันตีรสชาติความอร่อยและคุณภาพของร้านอาหารนั้นๆ
DJSI เปิดตัวในปี ค.ศ.1999 และดำเนินการภายใต้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง S&P Dow Jones Indices และ RobecoSAM เป็นดัชนีความยั่งยืนระดับสากลที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ (Economic) สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) โดยมีแบบสอบถามที่เข้มงวด เพื่อประเมินทั้งข้อมูลสาธารณะและที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ทำให้มีประสิทธิภาพทุกรูปแบบและทุกมิติ
DJSI สำคัญต่อบริษัทอย่างไร ทำไมบริษัททั่วโลกสนใจที่จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมประเมิน
การเข้าร่วมการประเมิน DJSI ทำให้บริษัทต่าง ๆ ได้รู้จักตนเองว่า บริษัทของเราดำเนินงานในเรื่องความยั่งยืนอยู่ในระดับไหน สามารถพัฒนาหรือปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพได้ทัดเทียมหรือเหนือกว่าองค์กรชั้นนำของโลกได้อย่างไร ในขณะเดียวกัน การได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI จะทำให้เราต้องพัฒนาองค์กร บุคลากร และในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะรักษาสถานะการเป็นสมาชิกต่อไป
แล้วในมุมมองของนักลงทุน DJSI มีประโยชน์ต่อนักลงทุนอย่างไร
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้น DJSI เป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพของธุรกิจ ดังนั้น การได้เป็นสมาชิก DJSI ถือเป็นใบเบิกทางหรือทางเลือกในการลงทุนให้แก่นักลงทุนทั่วโลก เพราะนักลงทุนหรือกองทุนต่าง ๆ จากทั่วโลก จะใช้ดัชนี DJSI เป็นเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาคัดเลือกเพื่อเข้าไปลงทุนในบริษัทเหล่านั้น ถ้าหากบริษัทใดได้รับการจัดอันดับใน DJSI ก็ถือเป็นหลักประกันได้ถึงศักยภาพในการบริหารงานหรือในการดำเนินธุรกิจว่าบริษัทนั้นมีแนวโน้มที่จะสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย หรือสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน
สำหรับ EGCO Group ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประเมินดัชนี DJSI เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.2013 และจากการพัฒนาและปรับปรุงองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง EGCO Group เป็นบริษัทไฟฟ้าไทยรายแรกที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนี DJSI ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ประเภทสาธารณูปโภคไฟฟ้า (Electric Utilities) ในปี ค.ศ.2020 เป็นครั้งแรก และนับจากนั้นมา EGCO Group ก็สามารถรักษาอันดับการเป็นสมาชิกดัชนี DJSI จนถึงปัจจุบัน (5 ปีซ้อน)
ปี ค.ศ. 2024 EGCO Group ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนี DJSI กลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ ประเภทสาธารณูปโภคไฟฟ้า ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยเรามีคะแนนที่เพิ่มขึ้นในมิติด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะประเด็นด้านการจัดการกลยุทธ์องค์กรที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม และมิติด้านสังคม ในประเด็นการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม EGCO Group ไม่ได้เพิ่งเข้าร่วมการประเมินด้านความยั่งยืนตามหลัก ESG ตอนที่มีดัชนี DJSI ระดับสากลเข้ามา แต่เราเข้าร่วมตั้งแต่ยุคแรกที่เรื่องการขับเคลื่อน ESG ในประเทศไทยยังเป็นแบบสมัครใจ เช่น การประเมินผลการดำเนินงานด้าน CSR ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SET Sustainability Awards การจัดอันดับหุ้นยั่งยืน หรือ SET ESG Ratings ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนยกระดับการประเมิน SET ESG Ratings ไปสู่มาตรฐานสากลโดยร่วมมือกับ FTSE Russell ที่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของหลักทรัพย์ทั่วโลก โดย EGCO Group ก็เข้าร่วมเตรียมความพร้อมด้วยตั้งแต่ปี ค.ศ.2024
การที่ EGCO Group ได้รับเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI และยังได้รับรางวัลอื่น ๆ ด้าน ESG อีกด้วย ถือเป็นตัวชี้วัดและเป็นความภาคภูมิใจให้กับคนทั้งองค์กรว่า การทำเรื่อง ESG อย่างต่อเนื่องตลอด 33 ปีของการดำเนินธุรกิจไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการร่วมกันบูรณาการเรื่องความยั่งยืนไว้ในกระบวนการทำงานครอบคลุมทุกมิติ เป็นรากฐานความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจในประเทศไปสู่ระดับสากล ควบคู่กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากเพียงแค่การพูดด้วยตัวเราเองก็แค่ได้พูด ดังนั้น การที่มีองค์กรกลางระดับนานาชาติมาช่วยประเมินในสิ่งที่เราทำ จึงช่วยสะท้อนภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ EGCO Group มุ่งพัฒนาบริษัทและธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน "From Local Company To Global Company"