ตลาดน้ำมันโลกเผชิญแรงกดดัน จากการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+

การเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงกลางปีนี้ ในขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน การเจรจาระงับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน รวมถึงความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ก็ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบใน ตลาดโลก ยังเผชิญแรงกดดันจากการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ โดยราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ ICE Brent อยู่ที่ 66.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนเมษายน 2568 และอยู่ช่วง 60-67 ในเดือนพฤษภาคม 2568
คาดว่า ราคาน้ำมันดิบ เดือนมิถุนายน ถึงกรกฎาคม 2568 ยังผันผวนช่วง 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะท่าที กลุ่ม OPEC+ โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียที่เน้นเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือการที่ OPEC+ ปรับแผนการผลิต โดยเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 กลุ่ม OPEC+ ได้ยกเลิกการลดการผลิตภาคสมัครใจต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 ส่งผลให้การผลิตเพิ่มขึ้น 411,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน 2568
ขณะเดียวกันคาซัคสถานส่งสัญญาณคงการผลิตเกินโควตาต่อ โดยให้เหตุผลว่าต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ในอีกด้านมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียอาจยอมรับ ราคาน้ำมัน ที่อยู่ระดับต่ำได้นานขึ้น เพื่อกดดันสมาชิกให้ผลิตน้ำมันตามแผน หรือชะลอการเติบโตของการผลิตน้ำมันจากนอกกลุ่ม OPEC+
ดังนั้น แนวโน้มที่กลุ่ม OPEC+ ทยอยยกเลิกการลดการผลิตโดยสมัครใจจึงเป็นปัจจัยกดดันราคา โดยหากยกเลิกทั้งหมดจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ด้านสถานการณ์สงครามการค้าเริ่มมีท่าทีผ่อนคลายลงหลังจากวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 สหรัฐและจีนลดภาษีศุลกากรชั่วคราว 90 วัน โดยภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่สหรัฐเก็บอยู่เดิม 145% จะลดเหลือ 30% ขณะที่จีนจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐจากเดิม 125% เหลือ 10% ความเคลื่อนไหวนี้มีแนวโน้มส่งผลดีต่อการเจรจาการค้าในอนาคต
ขณะที่ทางสหรัฐได้เจรจากับอิหร่านเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง โดยอิหร่านแสดงความพร้อมที่จะลงนามข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐ หากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร และหากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง อิหร่านอาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันได้อีก 500,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและหากบรรลุข้อตกลงไม่ได้อาจส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีหลายประเด็นที่อาจกระทบ ราคาน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามในตะวันออกกลางโดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส และอิสราเอล-อิหร่าน รวมถึงประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐอาจลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น เพื่อรับมือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากสงครามการค้า