รู้จัก 'PAS' เบื้องหลังรถไฟสายประวัติศาสตร์ 'มาบตาพุด - กว่างโจว' เชื่อมการค้าไทย - จีน

รู้จัก 'PAS' เบื้องหลังรถไฟสายประวัติศาสตร์ 'มาบตาพุด - กว่างโจว' เชื่อมการค้าไทย - จีน

ทำความรู้จัก "PAS" กับเบื้องหลังรถไฟสายประวัติศาสตร์ "มาบตาพุด - กว่างโจว" ภารกิจเชื่อมการค้าระหว่างประเทศ หนุนส่งออก "ทุเรียนไทย" สู่ตลาดจีน ชูระบบขนส่งที่ประหยัด ปลอดภัย รวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ 5 วัน เตรียมดีเดย์ล้อหมุนเที่ยวแรก 19 เม.ย.นี้

เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการขนส่งผลไม้จากไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับรถไฟสายประวัติศาสตร์ "มาบตาพุด - กว่างโจว" ที่จะมีการปล่อยขบวนรถไฟ บรรทุกตู้ Reefer 25 ตู้ พร้อมด้วย "ทุเรียน" ราชาผลไม้ยอดนิยมของชาวจีน ออกเดินทางจากสถานีรถไฟมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองมาบตาพุด จังหวัดระยอง สู่ปลายทางเมืองกว่างโจวของจีน รวมระยะทางกว่า 3,453 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเพียง 5 วัน เท่านั้น โดยล้อจะหมุนอย่างเป็นทางการในเที่ยวแรก วันที่ 19 เม.ย. นี้

โครงการสำคัญในครั้งนี้ ดำเนินงานโดย บริษัท แพน-เอเชีย ซิลค์ โรด จำกัด หรือ PAS ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่  China Railway Express Co., Ltd, Guangzhou Communications Investment Group Co., Ltd., Laos - China Railway Company Limited, Shenzhen Eternal Asia Supply Chain Co., Ltd., Vientiane Logistics Park, การรถไฟแห่งประเทศไทย, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด, บริษัท เก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ต จำกัด, บริษัท โอเรียนทอล เมอร์แชนท์ เอ็กซ์เพรส จำกัด และบริษัท เอเชีย เอ็กซ์เพรส โลจิสติกส์ จำกัด ภายใต้งานที่มีชื่อว่า "Opening of Thailand - Laos - China International Freight Train" เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกทุเรียนไทยและขยายตลาดไปยังมณฑลต่างๆ ในจีนได้มากขึ้น

รู้จัก \'PAS\' เบื้องหลังรถไฟสายประวัติศาสตร์ \'มาบตาพุด - กว่างโจว\' เชื่อมการค้าไทย - จีน

สำหรับ PAS ถือเป็นผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าทุกประเภทแบบครบวงจร โดยการร่วมทุนด้านการขนส่งสินค้าผ่านระบบราง ประกอบด้วย บริษัท GML หรือบริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด และบริษัท เก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่ง PAS จะเป็นผู้ดำเนินการติดต่อให้บริการแก่ลูกค้าในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และเป็นผู้ดำเนินการเดินรถไฟจากประเทศไทย และประเทศในกลุ่มอาเซียน เชื่อมต่อไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศรัสเซีย และประเทศในกลุ่มยุโรป รวมทั้งการเดินรถไฟภายในประเทศตลอดทุกเส้นทาง

นอกจากภารกิจขนส่งทุเรียนบนเส้นทางประวัติศาสตร์อันจะเป็นทางเลือกใหม่เชื่อมต่อทางการค้าไทย-จีนในครั้งนี้ บริษัทเอกชนอย่าง "PAS" ที่อยู่เบื้องหลังการดำเนินงานดังกล่าว ยังได้ร่วมมือกับบริษัทในเครือจัดเตรียมตู้เย็นคอนเทนเนอร์ ประมาณ 700 - 1,000 ตู้ ไว้รองรับให้กับผู้ส่งออกผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด และอาหารทะเลแช่แข็ง ซึ่งสามารถให้บริการขนส่งทางรถไฟ ตลอดเส้นทางระหว่างประเทศไทยสู่ประเทศจีนในราคาที่ประหยัด รวดเร็ว และปลอดภัย โดยแบ่งเป็นเส้นทาง มาบตาพุด - คุณหมิง ใช้ระยะเวลา 3 - 4 วัน, มาบตาพุด - ฉงชิ่ง ใช้ระยะเวลา 4 - 5 วัน และมาบตาพุด - กว่างโจว ใช้ระยะเวลา 5 - 6 วัน ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ที่ดีสำหรับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ไทยที่จะได้ตลาดรองรับมากขึ้นในอนาคต

รู้จัก \'PAS\' เบื้องหลังรถไฟสายประวัติศาสตร์ \'มาบตาพุด - กว่างโจว\' เชื่อมการค้าไทย - จีน

ทั้งนี้ นอกจากการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์แบบปกติ และตู้ Reefer แล้ว "PAS" ยังให้บริการขนส่งสินค้าแบบมัลติโมดัลทรานสปอร์ต หรือขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ, การบูรณาการในเชิงหุ้นส่วนด้านบริษัทที่ระบบรางเชื่อมต่อถึง และการพัฒนาระบบดิจิทัลที่สามารถตรวจสอบการขนส่งออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมุ่งเน้นการบริการด้านการขนส่งให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตอบสนองความต้องการต่อผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม อาทิ ผู้ส่งออกรายใหญ่ ผู้ส่งออกรายย่อย หรือกลุ่มเกษตรกรที่ต้องการส่งออกก็สามารถส่งออกได้ ด้วยระบบ Door To Door Service หรือรูปแบบการบริการรับส่งสินค้าที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งผู้ส่งสินค้าและผู้รับสินค้า โดยบริษัทฯ จะให้บริการจัดการไปรับสินค้า ณ สถานที่จัดเก็บสินค้า รวมไปถึงจัดการเอกสารให้เบ็ดเสร็จ ตลอดไปจนถึงการเดินพิธีการศุลกากร จนนำสินค้าของผู้ส่งออกไปส่งถึงมือลูกค้าปลายทางได้อย่างรวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ จีน ลาว มาเลเซีย และกัมพูชา เพื่อสร้างรากฐานด้านโลจิสติกส์ หรือการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้มีศักยภาพและเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้า และขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดย "PAS" และบริษัทในเครือกลุ่มพันธมิตร ยังคงมุ่งมั่น ไม่หยุดพัฒนา และพร้อมเดินหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำให้บริการด้านโลจิสติกส์ ด้วยศักยภาพของบุคลากร ความพร้อมด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกลยุทธ์ในการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับผู้ใช้บริการ สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์โลกที่มีวิวัฒนาการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด