"บิ๊กซี" ร่วมกับ "ไอ.พี.วัน" เดินหน้าเพิ่มตู้รีฟิลน้ำยาปรับผ้านุ่ม ช่วยโลกลดขยะพลาสติก

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี นำโดย นายปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจค้าปลีก พร้อมด้วย นายชยนต์ เจตน์จิราวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกลยุทธ์ และกลุ่มงาน Commercial บริษัท ไอ.พี.วัน จำกัด เดินหน้าขยายความร่วมมือต่อเนื่องในโครงการ "Hygiene Refill Station" หรือ "ตู้เติมผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีน" ภายใต้แนวคิด "Circular Economy" ซึ่งในปีนี้ได้ขยายการตั้งตู้เติมผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีนเพิ่มเติม ปัจุบันมีทั้งหมด 13 ตู้ ในบิ๊กซี 9 สาขา เพื่อแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก และรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ณ บิ๊กซี สาขาสะพานควาย เมื่อเร็วๆ นี้

นายปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจค้าปลีก บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวว่า บิ๊กซี ตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติก มุ่งเดินหน้าขยายความร่วมมือต่อเนื่องกับ บริษัท ไอ.พี.วัน จำกัด หรือ I.P. One หนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย ในโครงการ "Hygiene Refill Station" หรือ "ตู้เติมผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีน" ภายใต้แนวคิด "Circular Economy" ซึ่งในปีนี้ได้ขยายการตั้งตู้เติมผลิตภัณฑ์ไฮยีนเพิ่ม 8 ตู้ ลูกค้าสามารถรับบริการได้ที่เฉพาะบิ๊กซีสาขาที่ร่วมรายการ 9 สาขา ได้แก่ สาขาสะพานควาย สาขาเพชรเกษม สาขารังสิต 1 สาขาอ่อนนุช สาขาพระราม 4 สาขาติวานนท์ สาขาบางใหญ่ สาขาลาดพร้าว 2 และบิ๊กซี สาขาเมกาบางนา และวางแผนขยายการติดตั้งเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมมุ่งลดการใช้ทรัพยากร และลดปริมาณขยะพลาสติก ทั้งจากการผลิต และการใช้ในครัวเรือน 

"กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มีนโยบายเกี่ยวกับการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว โดยเฉพาะการลดขยะที่เกิดขึ้นจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ นำมาสู่ความร่วมมือกับบริษัท ไอ.พี.วัน ติดตั้ง Hygiene Refill Station หรือตู้เติมผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีน โดยเริ่มที่บิ๊กซี สาขาเมกาบางนา เป็นสาขาแรกในปี 2564 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งจากพนักงาน และประชาชน จากนั้นได้เดินหน้าขยายตู้รีฟิลน้ำยาปรับผ้านุ่มเพิ่มในบิ๊กซีอีกหลายสาขา ปัจจุบันมีจำนวน 13 ตู้ในบิ๊กซี 9 สาขา ถือเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อช่วยกันลดใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง แล้วหันมาใช้บรรจุภัณฑ์แบบนำกลับมาใช้ได้ใหม่" นายปฐพงศ์ กล่าว
 

นายปฐพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศทั้งด้านการผลิตสินค้าและการให้บริการที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนระหว่างธุรกิจ ระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มปรับเปลี่ยนจากภายในองค์กร และขยายความร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้า หรือผู้ผลิตสินค้าต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก รวมถึงเป็นช่องทางสำคัญเพื่อสร้างการรับรู้และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในระยะยาว

"บิ๊กซี เรามีหลายร้อยสาขา แต่ละสาขาเราใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก เราจึงทยอยใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ด้วยการติดตั้ง Solar Roof เกือบทุกสาขาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อใช้พลังงานสะอาดแทนการใช้เชื้อเพลิง สามารถช่วยลดคาร์บอนสะสมได้เป็นแสนๆ ตัน นอกจากนั้น ยังมีการทดลองเรื่องการขนส่งสินค้าด้วยรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือการปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิต เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก ส่วนอีกเรื่องที่เราให้ความสำคัญคือ เรื่องของการลดปริมาณขยะพลาสติก เราให้ความสำคัญกับการนำบรรจุภัณฑ์กลับมารีไซเคิล เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่าง กลุ่มธุรกิจแก้ว เรามีการนำเศษแก้วกลับมารีไซเคิลใหม่ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิต เป็นต้น" นายปฐพงศ์ ทิ้งท้าย 

ทั้งนี้ "กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี" ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดแห่งความยั่งยืน โดยตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในอีก 28 ปีข้างหน้า หรือปี 2050