ทำไมบริษัท "จีน" ที่จดทะเบียนใน "ตลาดสหรัฐฯ" ถึงจดแบบ Dual-primary Listing ที่ฮ่องกง?

ทำไมบริษัท "จีน" ที่จดทะเบียนใน "ตลาดสหรัฐฯ" ถึงจดแบบ Dual-primary Listing ที่ฮ่องกง?

Dual-primary Listing คืออะไร เหตุผลใดที่ทางบริษัทจีนถึงเลือกที่จะจดทะเบียนในรูปแบบนี้ แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะได้จดทะเบียนแบบ Dual-primary Listing ในฮ่องกง มาไขคำตอบไปพร้อมๆ กันกับบทความนี้

ปัจจุบันบริษัทจีนหลายบริษัทได้หันมาให้ความสนใจกับการยกสถานะการจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง จากที่เป็นแบบการจดทะเบียนตลาดที่สอง หรือ Secondary Listing มาเป็นแบบการจดทะเบียนตลาดหุ้นตลาดหลัก หรือ Primary Listing แทน ล่าสุดในเดือน กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีของจีน Alibaba ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักได้ออกมากล่าวว่า ต้องการที่จะเปลี่ยนมาจดทะเบียนแบบ Primary Listing ในตลาดหุ้นฮ่องกง จากปัจจุบันที่จดทะเบียนในตลาดที่สอง หรือเป็นแบบ Secondary Listing

Primary Listing คืออะไร

การจดทะเบียนแบบ Primary Listing คือ การที่บริษัทได้มีการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการซื้อขายหุ้นเป็นตลาดหลัก โดยในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นจะต้องผ่านเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ ที่ตลาดหลักทรัพย์นั้นกำหนด ขณะที่การจดทะเบียนในตลาดที่สอง หรือ Secondary Listing มักจะมีเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ผ่อนคลายกว่าการจดทะเบียนในตลาดหลัก โดยในอดีต Alibaba ได้เข้าทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาในปี 2014 ก่อนที่จะไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเป็นตลาดที่สองในอีก 5 ปีต่อมา เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นของบริษัท และเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าซื้อขายหุ้นได้มากขึ้น

ทำไมบริษัทจีนถึงเปลี่ยนไปจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงเป็นตลาดหลัก

สาเหตุที่บริษัทจีนที่จดทะเบียนแบบ Primary Listing ในตลาดหุ้นอเมริกา ต้องการเปลี่ยนมาจดทะเบียนแบบ Primary Listing ในตลาดหุ้นฮ่องกงแทน

  1. การเปลี่ยนสถานะมาเป็น Primary Listing ในตลาดหุ้นฮ่องกง จะทำให้ถูกรวมเข้าอยู่ในโปรแกรม Stock Connect การเปลี่ยนมา Primary Listing ในตลาดหุ้นฮ่องกงจะทำให้บริษัทถูกรวมเข้าไปอยู่ในโปรแกรม Stock Connect ของจีน และจะทำให้นักลงทุนในจีนสามารถซื้อขายหุ้นของบริษัทได้โดยตรง จากที่สภาพคล่องในตลาดฮ่องกงค่อนข้างต่ำ หากเทียบกับสภาพคล่องในตลาดสหรัฐฯ ดังนั้น การที่นักลงทุนจีนสามารถเข้ามาซื้อขายหุ้นได้โดยตรงจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นมากขึ้น
  2. ประเด็นความเสี่ยงถูกถอดถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปัจจุบันบริษัทจีนถูกกดดันจาก ก.ล.ต.สหรัฐฯ จากกฎหมายการถือครองบริษัทต่างประเทศ (Holding Foreign Companies Accountable Act : HFCAA) ที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของการถูกควบคุมโดยรัฐบาลจีน รวมไปถึงเปิดเผยรายงานการตรวจสอบบัญชีแก่ Public Company Accounting Oversight Board (PCAOB) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลผู้สอบบัญชีและสำนักงานตรวจสอบบัญชีบริษัทมหาชนในสหรัฐฯ เป็นระยะเวลา 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งบริษัทจีนหลายบริษัทตอนนี้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ถูกเฝ้าจับตาว่ามีโอกาสที่จะถูกถอดถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลตามที่ทาง ก.ล.ต.สหรัฐฯ กำหนดได้ โดยมีบริษัทจีนหลายบริษัท ไม่เว้นแม้แต่บริษัทจีนขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงถูกถอนออกจากการซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ อาทิ Alibaba, Baidu, Pinduoduo และ Bilibili

ดังนั้น การที่บริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต้องการเปลี่ยนสถานะมาเป็น Primary Listing ในตลาดหุ้นฮ่องกงนั้น เพื่อที่จะทำให้การซื้อขายหุ้นสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น และหลีกเลี่ยงผลกระทบหากถูกถอดถอนออกจากการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

อีกทั้ง การเปลี่ยนมาเป็น Primary Listing ในฮ่องกงยังไม่กระทบต่อผู้ถือหุ้นอีกด้วย โดยปัจจุบันมีบริษัทที่ทำการจดทะเบียนหลายตลาด หรือ Dual-primary Listing ทั้งฮ่องกงและสหรัฐฯ ได้แก่ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Li Auto และ XPeng

ทำอย่างไรถึงจะได้จดทะเบียนแบบ Dual-primary Listing ในฮ่องกง

ในการจดทะเบียนแบบ Dual-primary Listing นั้นจะมีเกณฑ์และเงื่อนไขในการรายงานต่างๆ ที่เข้มงวดขึ้น และจะมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น โดยบริษัทที่ต้องการจดทะเบียนแบบ Daul-primary Listing จะต้องจัดเตรียมข้อมูลต่างๆ รวมถึงระยะเวลาที่จะสามารถทำตามเงื่อนไขต่างๆ ได้

นอกจากนี้ สำหรับบริษัทที่มีฐานอยู่ในจีน จะต้องอยู่ในเกณฑ์ข้อกำหนดในเรื่องสิทธิในการออกเสียง สำหรับหุ้น Dual-class Shares ซึ่งเป็นหุ้นที่ให้สิทธิในการออกเสียงมากกว่าหุ้นทั่วไป และมักจะถือโดยผู้ก่อตั้งบริษัท เพื่อที่จะสามารถเข้าโปรแกรม Stock Connect อีกด้วย

ในอนาคตข้างหน้า คงจะได้เห็นบริษัทจีนหลายบริษัทหันมาจดทะเบียนแบบ Dual-primary Listing ในฮ่องกงมากขึ้น จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ต่อจากบริษัท Alibaba และ Bilibili ที่คาดว่าจะทำการ Dual-primary Listing ในตลาดหุ้นฮ่องกงเสร็จสิ้นภายในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท E-commerce อย่าง JD.com หรือบริษัทเกมอย่าง Netease ที่มีโอกาสหันมาทำ Dual-primary Listing ในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยมองว่า การยกระดับสถานะมาเป็น Primary Listing ในตลาดหุ้นฮ่องกงนั้นถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นของบริษัทจีน จากที่จะทำให้ประเด็นที่เคยกดดันราคาหุ้นประเด็นความเสี่ยงเรื่องการถูกเพิกถอนการซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ หมดไป

ที่มา : Bloomberg

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมา และพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสม และรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยง และเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 -2633-6000 กด 4, 0-2080-6000 กด 4 และ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds