ที่ทำงานเป็นพิษรุนแรงขึ้น | บวร ปภัสราทร

ที่ทำงานเป็นพิษรุนแรงขึ้น | บวร ปภัสราทร

โรคระบาดที่ยังไม่ยอมจบสิ้น ทำให้ ที่ทำงาน ล้ำเส้นมากินเวลาในชีวิตกันแทบทั้งยี่สิบสี่ชั่วโมง ดึกดื่นแค่ไหนบ้านของบางคนก็ยังกลายเป็นที่ทำงานอยู่

สารพัดเรื่องจากที่ทำงานที่มีผลต่อความรู้สึกและความสามารถของเราตามมาคุกคามถึงในห้องนอนของบางคนเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนพิษภัยจากที่ทำงานส่วนใหญ่ทุเลาลงหลังจากออกมาจากสำนักงาน กลับถึงบ้านก็จางลงไปเยอะ 

แต่วันนี้บ้านกับสำนักงานถูกดิจิทัลกับโรคระบาดจับมารวมกัน เคยรู้สึกบ้างหรือไม่ว่าทำงานออนไลน์นานขึ้นแล้วหงุดหงิดมากขึ้น หรือบางทีรู้สึกว่าเก่งน้อยลงกว่าเดิม ถ้ารู้สึกเช่นนั้นแสดงว่าที่ทำงานเป็นพิษไปแล้ว 
 

คนเราเก่งในเรื่องการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม แต่ก็แคร์ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว แคร์กับภาพลักษณ์ไม่น้อยไปกว่าความสำเร็จของงาน เราเห็นคนเดือดร้อนเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อได้ยินคนที่เคยคุ้นเคยกันมาคุยเรื่องหมาที่เลี้ยงไว้  

ดังนั้น ที่ทำงานที่มีเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานที่ชอบใช้วาทะกล่าวร้าย ประชดประชัน นินทาสารพัด เป็นที่ทำงานที่มีพิษมหาศาล คนแคร์เรื่องความสัมพันธ์ ดังนั้นคำพูดดูถูกสบประมาทที่เข้าหูอยู่เป็นประจำจึงเหมือนสะสมพิษไว้ทีละเล็กทีละน้อย แล้วในที่สุดถ้าไม่นำไปสู่การวิวาท ก็บั่นทอนความสามารถในการทำงานลงไปจากการที่ใจไปอยู่กับถ้อยคำร้ายๆ ที่กรอกหูมาตลอด 

วันนี้ถ้อยคำเหล่านั้นมาถึงได้ทางเครือข่ายสังคม ที่ไปดัดแปลงมาใช้ในการทำงานกันอย่างกว้างขวาง แต่ก่อนโดนประชดได้ยินกันแค่ไม่กี่คน แต่วันนี้ประชดกันผ่านไลน์ เห็นกันได้ทั่ว ซ้ำเติมได้ตลอดทุกครั้งที่กลับมาอ่าน 

ถ้าไม่อยากสร้างที่ทำงานที่เป็นพิษ ในยามนี้ขอได้โปรดทุเลาปากคอกันลงไปบ้าง มือหนักขึ้นสักนิดก่อนจะไลน์อะไรในกลุ่มงาน อย่าทำให้มีการรังแกกันด้วยคำพูดไม่ว่าจะผ่านช่องทางใด เจ้านายวันนี้ปากคอวาจาต้องเป็นมธุรสวาจากว่าแต่ก่อน
 

คนชอบรวมกลุ่ม มีการกระทำของกลุ่มที่เป็นพิษกับจิตใจ คือ รวมกลุ่มกันสร้างศัตรู กลุ่มฉันขยัน กลุ่มแกขี้เกียจ ยิ่งองค์กรใดมีโครงสร้างการทำงานเป็นไซโล ยิ่งเกิดพิษแบบนี้แรงขึ้น การรวมกลุ่มสร้างศัตรูอาจเป็นสัญชาตญาณดั่งเดิมของมนุษย์ เมื่อมีศัตรูร่วมจึงร่วมมือกันเองในกลุ่มได้ดีขึ้น 

เจ้านายบางคนเลยพอใจกับสัญชาตญาณนี้แล้วเอามาใช้ประโยชน์ในการจัดการองค์กร ซึ่งได้ผลดีเพียงบางเรื่อง แต่ส่วนใหญ่จะทำให้องค์กรอ่อนแอลงอย่างมากมาย การรวมกลุ่มกล่าวร้ายศัตรูที่สมมุติขึ้นมาเองนั้น กลายเป็นพันธะกิจของกลุ่มที่เป็นพิษกับจิตใจและความสามารถในการทำงาน ใช้พลังสมองไปกับมโนที่ประดิษฐ์ขึ้นมาให้สนองความคิดของตนเองว่า ศัตรูเลวร้ายอย่างไร เอาสมองไปประดิษฐ์ถ้อยคำที่คิดว่าถ้าศัตรูได้อ่านผ่านไลน์ขององค์กรแล้วจะเจ็บปวด 

ถ้าเป็นจริงตามที่คิดและถ้าเชื่อกฎของนิวตัน คงรู้ว่าที่สุดแล้วให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว  อาการยึดไซโลเป็นสรณะนี้ปรากฏเห็นชัดในยามที่รอบตัวยากเข็ญมากกว่าปกติ คนระดับหัวหน้าปัญญาชนยังแสดงอาการเหยียดกลุ่มอื่นให้เห็นผ่านสื่อมวลชนอยู่เป็นประจำ 

ในยามยากนี้ให้พยายามมองเห็นคนในไซโลอื่นว่าเป็นคนขององค์กรเดียวกัน จะดีจะเลวต่างคนก็ต่างทำให้กับองค์กรเหมือนกัน อย่ายึดกลุ่มยึดสีกันมากนัก พิษจากที่ทำงานที่ตามมาถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านจะลดน้อยลงไป ถ้าลองตัดข้อความหน้าจอไลน์ที่เกี่ยวกับการนินทาว่าร้ายคนอื่นออกไปแล้วยังมีข้อความเหลือให้อ่านอยู่เยอะแยะ ก็น่ายินดีว่าพิษจากที่ทำงานยังมาไม่ถึงหน้าจอ

คนคิดได้ดีขึ้นและทำงานได้ผลมากขึ้น ถ้าคนมีเสรีภาพในการทำงานในระดับหนึ่ง ถ้าเลือกวิธีทำงานได้ภายใต้กรอบกฎกติกาที่ยืดหยุ่นมากขึ้น คนจะทุ่มเททำงานมากขึ้น ในทางตรงข้ามที่ทำงานที่จำกัดความคิด จำกัดวิธีการทำงานไว้อย่างคับแคบ จะเป็นพิษต่อความสามารถของคนทำงานมากกว่าที่ผู้บริหารคาดคิดไว้ 

ผู้บริหารที่ชอบ Micromanagement ตามจิกไปทุกขั้นตอนของการทำงานจนเหมือนกับโปรแกรมหุ่นยนต์ คนที่ชอบตั้งศูนย์เฉพาะกิจแล้วตัวเองไปนั่งหัวโต๊ะห้าชุดสิบชุดเป็นตัวอย่างของ Micromangement ที่เป็นพิษมากกว่าเป็นประโยชน์ วันนี้ขอช่วยกันให้อิสระในวิธีการทำงานกันเพิ่มอีกหน่อย

คนสำคัญที่สุดที่จะช่วยลดพิษจากที่ทำงานคือคนที่อยู่หมายเลขหนึ่ง ที่ไหนพิษมากที่นั่นเบอร์หนึ่งใช้ไม่ได้.

คอลัมน์ : ก้าวไกล วิสัยทัศน์
รศ.ดร.บวร ปภัสราทร
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี