ไม่ต้องรวยก็สำเร็จได้

ไม่ต้องรวยก็สำเร็จได้

การเรียนรู้ทำได้อย่างไม่สิ้นสุด หากสนใจใฝ่รู้ในเรื่องใดแล้วจะพบว่าอีกไม่นานก็จะมีเรื่องเกี่ยวเนื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันเพิ่มเติมมาให้เรียนรู้ต่อ

สังคมมักให้ค่ากับคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ การงาน กีฬา ศิลปะ ดนตรี ฯลฯ เรามักจะเห็นบทความ บทสัมภาษณ์ เพื่อยกย่องความสำเร็จของเขาเหล่านั้นในมุมมองต่าง ๆ ทั้งในแง่ความทุ่มเท ความคิดสร้างสรรค์ ความเอาใจใส่

แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่มักมองว่าความสำเร็จของพวกเขามาจากความโชคดี หรือความบังเอิญที่อยู่ถูกที่ถูกเวลา หรือไม่ก็เป็นเพราะมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี เป็นตระกูลมหาเศรษฐี จึงมีโปรไฟล์ดีได้เปรียบคนอื่นในสังคมอยู่มาก

ความคิดดังกล่าวอาจเป็นเรื่องจริงอยู่บ้าง เพราะเขาอาจมีความโชคดี หรือมีพื้นฐานจากครอบครัวที่ดีเอื้อต่อการทำธุรกิจอยู่สัก 1%-5% แต่อีกมากกว่า 95% ที่เหลือนั้นล้วนมาจากความขยันตั้งใจและกล้าลงมือทำเป็นหลัก

คนที่มองความสำเร็จของผู้อื่นเป็นเรื่องบังเอิญ มักมีความคล้ายคลึงกันอยู่ในเรื่องของความรอบรู้ นั่นคือการรู้เยอะ อ่านเยอะ จนเข้าใจเรื่องราวใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นกระแสทั้งหมด แต่มักไม่กล้าลงมือทำ เมื่อเห็นใครทำอะไรสำเร็จก็มักบอกว่าตัวเองก็ทำเป็นเหมือนกัน และถ้าได้ลงมือทำก็จะทำดีกว่าคนอื่นแน่ ๆจึงมักด้อยค่าความสำเร็จของผู้อื่น

คนแบบนี้ผมมักจะเปรียบเทียบกับเชือก ที่ยิ่งผูกเป็นปมก็ยิ่งแน่น ยิ่งดึงแรงก็ยิ่งแกะไม่ออก นั่นคือยิ่งรู้เยอะ แต่รู้เท่าไรก็ไม่พอ จึงยิ่งทำให้ความรู้แน่นมากขึ้นโดยไม่ลงมือทำอะไร ครั้นจะเริ่มทำอะไรสักอย่างก็แกะปมเดิม ๆ ออกมาไม่ได้เสียแล้ว

ในสังคมจึงเต็มไปด้วยคนที่รู้มาก รู้เยอะ มีความเชี่ยวชาญมากมาย แต่ก็เป็นคนเดียวกับที่พร่ำบ่นว่าทำไมชีวิตตัวเองถึงไม่ได้ดีเหมือนคนอื่น ทั้ง ๆ ที่มีความรู้มากมายหลายด้าน โดยหลงลืมไปว่าความรู้ที่ตัวเองคิดว่ามีอยู่มากมายนั้นไม่เคยเกิดการลงมือทำเลยแม้แต่เพียงครั้งเดียว

เพราะการเรียนรู้ทำได้อย่างไม่สิ้นสุด หากสนใจใฝ่รู้ในเรื่องใดแล้วเราจะพบว่าอีกไม่นานก็จะมีเรื่องเกี่ยวเนื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันเพิ่มเติมขึ้นมาให้เราเรียนรู้ต่อไปได้อีก หรือในบางครั้งอาจมีเรื่องใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเดิมเลยให้เราเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด

หลายคนจึงเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่กล้าลงมือทำอะไรเพราะคิดว่ายังรู้ไม่พอ หรือบางครั้งอาจกลัวผิดพลาดจนไม่กล้าลงมือทำ ซึ่งน่าเสียดายโอกาสที่ผ่านเลยไปจากแต่ละเดือนแต่ละปีจนบางคนอาจปล่อยเวลาล่วงเลยเข้าสู่วัยกลางคนโดยที่ยังไม่ได้ริเริ่มทำอะไรแม้แต่เพียงอย่างเดียว

เราอาจหลงลืมไปแล้วว่าในวัยเด็ก การหัดเล่นดนตรี กีฬา หรือเรียนรู้การสรรค์สร้างงานศิลปะล้วนต้องอาศัยเวลาและการฝึกฝนเสมอ เช่นการเล่นเปียโน ไม่มีใครที่หัดเล่นเปียโนแล้วสามารถเล่นได้อย่างคล่องแคล่วทันทีในวันแรกของการเรียนรู้

กว่าจะเล่นเปียโนได้คล่องต้องเข้าใจพื้นฐานของตัวโน้ต และฝึกเล่นเพลงง่ายๆ ให้เก่งแล้วจึงเปลี่ยนไปเล่นเพลงที่สลับซับซ้อนขึ้นทีละน้อย ๆ จนเชี่ยวชาญและฝึกฝนอย่างหนักเป็นประจำจึงสามารถเล่นได้อย่างคล่องแคล่วทุกเพลง ซึ่งทั้งหมดนี้อาจกินเวลาหลายปี

ไม่มีใครที่อ่านตัวโน้ตได้อย่างคล่องแคล่วแต่เพียงอย่างเดียวแล้วจะเล่นเปียโนได้เก่งทันทีในครั้งแรกเพราะการไม่เคยฝึกฝนย่อมไม่ทำให้เกิดความพร้อม เช่นเดียวกับคนที่อ่านบทความด้านธุรกิจ ดูยูทูปสัมภาษณ์นักธุรกิจ ดูสารคดีด้านธุรกิจมากมาย แล้วคิดว่าตัวเองจะเก่งในด้านบริหารธุรกิจมากกว่าคนอื่น

การกล้าคิด กล้าลงมือทำ กล้าสร้างก้าวแรกเป็นของตัวเองทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่สมบูรณ์พร้อมแต่มั่นใจว่าพื้นฐานที่มีจะทำให้ก้าวไปต่อได้จะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ได้เปรียบคนอื่น เพราะการได้ลงมือทำย่อมทำให้เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่นที่ทำได้เพียงเรียนรู้อยู่ห่าง ๆ