บทสรุปของตลาดคริปโตในปี 64 | ทิวัตถ์ ชุติภัทร์

บทสรุปของตลาดคริปโตในปี 64  | ทิวัตถ์ ชุติภัทร์

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 64 ผมได้ออกบทความนึงที่มีชื่อว่า 3 ธีมใหญ่ของการลงทุนในปี 2021 ซึ่งในบทความนั้นผมได้พูดถึงการลงทุนใน บิทคอยน์ ตลาดหุ้นเวียดนาม และ ตลาดหุ้นจีน

เราลองมาสรุปว่าในบรรดาธีมการลงทุนของทั้งสามอย่างที่ผมได้กล่าวถึงในปีที่แล้ว เป็นอย่างไรกันบ้างก่อนนะครับ อันแรกคือบิทคอยน์ ซึ่งเติบโตประมาณ 69% จากต้นปี ส่วนตลาดหุ้นเวียดนามเติบโตประมาณ 34% ตัวสุดท้ายคือตลาดหุ้นจีนขาดทุนทั้งหมด 49% เลยทีเดียว

 จากการลงทุนของเรา ถ้าเราลงทุนทั้งสามตัวในสัดส่วนของเม็ดเงินที่เท่าๆกัน เราจะพบว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้กำไรประมาณ 54% ของการลงทุนทั้งหมด ซึ่งถือว่าไม่เลวเลย 

สำหรับปีนี้เนื่องจากตัวผมเองได้รับเชิญไปให้การบรรยายทั้งส่วนตัวและแบบกลุ่ม และทั้งในส่วนของตัวบริษัทของผมเองและในเครือพาร์ทเนอร์ ผมเลยอยากจะถือโอกาสพูดในภาพรวมของตลาดคริปโตว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้างในตลาดนี้ในรอบปีที่ผ่านมา และ ในอนาคตอันใกล้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตลาดนี้บ้าง

อย่างแรกที่เกิดขึ้นในตลาดนี้ ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในตลาดนี้คือการเข้ามาของสิ่งที่เรียกว่า DeFi หรือที่เรียกกันว่า Decentralized Finance สิ่งนี้เองได้เข้ามามีบทบาทในตลาดคริปโตและก่อให้เกิดเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาในตลาดคริปโตอย่างล้นหลาม เม็ดเงินที่ไหลเข้าในตลาดนี้เพิ่มขึ้นจาก 18.29 พันล้านเหรียญสหรัฐ มาสู่ระดับ 256.11 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 14 เท่าในเวลาเพียงแค่ปี 

สิ่งที่ทำให้ DeFi น่าสนใจและเติบโตได้ขนาดนี้เป็นเพราะว่าการฝากเงินในโลกของ DeFi ในผลตอบแทนและดอกเบี้ยสูงกว่าในโลกการเงินสมัยเก่า สมมุติว่าผมเอาเงินไปฝากที่ธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยทั้งแบบระยะยาว ดอกเบี้ยที่ผมจะได้รับจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.25-1 แต่ในโลกของ DeFi คุณสามารถได้ดอกเบี้ยตั้งแต่ร้อยละ 6-7 จนสูงขนาดร้อยละ 100-1,000 ต่อปีเลย

 แต่แน่นอนว่าการฝากแบบนี้ย่อมมีความเสี่ยงกว่าโลกการเงินสมัยเก่าอยู่บางอย่าง การที่เราเอาเงินไปฝากไว้บางที่ ถ้าที่นั้นไม่ปลอดภัย คุณก็อาจจะโดนคนลอบเอาเงินของคุณออกไปจากระบบเลยก็มี

แต่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ DeFi คือการเงินสมัยเก่าก็ไม่ได้มองว่า DeFi เป็นคู่แข่งแต่อย่างใด กลับมองว่า DeFi อาจจะเข้ามามีบทบาททำให้ธนาคารต่างๆมีธุรกรรมที่โปร่งใสมากขึ้นและประหยัดงบของธนาคารอีกด้วย จนเรื่องราวของ DeFi ไปโผล่ในนิตยสารอย่าง The Economist Fortune และ Forbes เลย

อย่างที่สองที่เกิดขึ้นในโลกของคริปโตคือเรื่องราวของ Synthetic Stocks หรือที่เรียกว่า หุ้นสังเคราะห์ ชื่อของมันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่เรื่องราวของมันกลับน่าทึ่งมากกว่าที่คุณผู้อ่านคิดครับ หุ้นสังเคราะห์ คือการเอาหุ้นจริงๆอย่าง Tesla Apple Alphabet มาแปลงเป็นสภาพเหรียญเพื่อทำให้คนธรรมดาสามารถมาซื้อได้ 

เมื่อก่อนประมาณช่วงปีที่แล้ว ผมอยากเข้าไปซื้อหุ้นต่างประเทศอย่าง หุ้นอเมริกา แต่ติดตรงที่ว่า ถ้าเราจะซื้อหุ้นตรงๆ เราต้องเปิดบัญชีกับทางบริษัทหลักทรัพย์ในเมืองไทย และ ต้องใช้เงินขั้นต่ำประมาณ 6 หลักเพื่อมีสิทธิ์ซื้อหุ้นต่างประเทศได้ ซึ่งกระบวนการนอกจากจะใช้เงินจำนวนมากยังยุ่งยากในเรื่องของการอนุมัติอีกด้วย ทำให้ตัวผมเองตัดสินใจซื้อเพียงแค่กองทุนหุ้นต่างประเทศก็พอ 

การเข้ามาของหุ้นสังเคราะห์จึงเข้ามาตอบโจทย์ผมในเรื่องนี้ เพราะนอกจากว่าสามารถทำได้ด้วยตัวเองได้แล้ว ยังสามารถซื้อหุ้นโดยไม่จำเป็นที่ต้องเต็มหน่วยได้อีกด้วย

ยกตัวอย่าง หุ้นของ Alphabet (GOOGL) ราคาตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2,938.33 ดอลลาร์ต่อหุ้น นั่นเท่ากับประมาณ 96,000 บาทต่อหุ้น ซึ่งนับเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย การเข้ามาของหุ้นสังเคราะห์ทำให้ถ้าคุณอยากซื้อเพียงแค่ 25,000 บาท หรือ 1,000 บาท คุณก็สามารถทำได้ครับ

อย่างที่สามที่เกิดขึ้นคือเรื่องของ NFT หรือ Non-Fungible Token คือการเอางานศิลปะ รูปภาพเคลื่อนไหว ภาพถ่าย เสียงเพลง ตัวการ์ตูน การ์ดสะสม มาขายในโลกออนไลน์

ตลาด NFT เติบโตขึ้นมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาจากมูลค่าตลาดระดับ 400 ล้านดอลลาร์ในตอนต้นปี มาสู่ระดับ 7 พันล้านดอลลาร์ หรือเติบโตทั้งหมด 16 เท่าเพียงแค่ปีเดียว 

เหตุผลที่ตลาด NFT สามารถเติบโตได้มากขนาดนี้ในช่วงที่ผ่านมา เป็นเพราะว่าในช่วงที่ผ่านมาพอมันเกิดเหตุการณ์โควิด-19 และทำให้คนไม่สามารถออกจากบ้าน จึงทำให้คนรวยไม่สามารถโชว์กระเป๋าแบรนด์เนม พอมันทำไม่ได้คนเลยเอาภาพดิจิตัลในรูปแบบของ NFT ออกมาโชว์กันมากขึ้น

ถึงขนาดที่ว่าในมิวสิกวีดีโอของแร็ปเปอร์ชื่อดังของโลกอย่าง Post Malone ยังใช้บรรทัดฐานของความรวยใหม่โดยการซื้อ NFT ของ Bored Ape Yacht Club ในมิวสิกวีดีโอของเขาแทนที่จะโชวร์รถ หรือ แมนชั่นหรูๆ เหมือนสมัยก่อน

 แต่สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ NFT คือ Loyalty Fee ครับ สมัยก่อนเวลาที่จิตรกรขายภาพได้ จิตรกรจะได้เงินจากการขายครั้งแรก แต่ครั้งที่สองหรือต่อไปจะไม่ได้เงินแล้ว เพราะไม่สามารถเก็บ Loyalty Fee ตรงนั้นได้ แต่แพลตฟอร์มขาย NFT เบอร์ 1 ของโลกอย่าง OpenSea สามารถแก้ไขตรงนี้ได้ครับ

บทสรุปของตลาดคริปโตในปี 64  | ทิวัตถ์ ชุติภัทร์

นอกจากสามเรื่องที่ผมพึ่งพูดไป ยังมีในเรื่องของ GameFi และ Metaverse อีก ซึ่งสามารถหาอ่านได้ในสองบทความที่แล้วของผมครับ ผมยังมองเสมอว่าตลาดนี้ยังไปได้อีกไกล เพราะตลาดนี้มีมูลค่าประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์เท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในหลายๆประเทศ หรือ มูลค่าของบริษัทเทคของโลก ตลาดนี้ยังเล็กอยู่มากและยังไปได้อีกไกล นอกจากนั้นการพิมพ์เงินมาจำนวนมหาศาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้เม็ดเงินตรงนี้เยอะมาก มีการคาดการณ์ว่าเงินที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ร้อยละ 80 ถูกพิมพ์ขึ้นมาในสองปีที่ผ่านมานี้เอง 

สุดท้ายนี้ผมอยากจะขอให้ท่านผู้อ่านทุกคน มีสุขภาพจิตและกายที่แข็งแรง ล้อมรอบไปด้วยครอบครัวญาติมิตรสหาย ร่ำรวยในการเงินและการลงทุน และพบกับบทความของผมในปีหน้าครับ ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอมาครับ.
คอลัมน์ : คุยให้... “คิด”
ทิวัตถ์ ชุติภัทร์
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ CSI Society
https://www.csisociety.com