การระบาดใหม่และบทเรียน จาก "ยุโรปตะวันออก"

การระบาดใหม่และบทเรียน  จาก "ยุโรปตะวันออก"

ไทยเตรียมเปิดประเทศอีกครั้งเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 46 ประเทศ หวังเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ

ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ที่รัฐกำหนดต่อนักท่องเที่ยวใน 46 ประเทศที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร อาทิ การฉีดวัคซีนครบโดส การตรวจหาเชื้อก่อนและเมื่อถึงไทยก็สามารถทำให้คนไทยอุ่นใจได้ในระดับหนึ่งว่ามาตรการดูค่อนข้างรัดกุมดี เหลือก็แค่ในทางปฏิบัติหากเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ความเสี่ยงจากการหลุดรอดของการแพร่กระจายเชื้อก็คงอยู่ในระดับต่ำ

สิ่งที่น่าสนใจและควรช่วยกันจับตาอีกประการหนึ่งคือ ลิสต์รายชื่อ 46 ประเทศ เพราะดูโดยรวมแล้วจะเห็นว่าประชากรจำนวนมากในประเทศเหล่านั้นได้รับวัคซีนแล้ว อาทิ สหรัฐ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอีกหลายประเทศในยุโรป และเชื่อว่ารายชื่อประเทศเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน ทั้งในแง่ของการเพิ่มชื่อประเทศอื่น ๆ และลดจำนวนตัดบางประเทศลงหากวิเคราะห์แล้วว่ามีความเสี่ยงสูงเกินไป

อีกหนึ่งปัจจัยที่สมควรพิจาณาคือ ความเชื่อมโยงของ 46 ประเทศกับประเทศเสี่ยงอื่น ๆ จากกรณีที่ประชาชนในเขตประเทศหรือภูมิภาคนั้น ๆ สามารถเดินทางได้อย่างเสรี

อย่างกรณีของยุโรปที่ประชาชนสามารถเดินทางจากประเทศหนึ่งสู่อีกประเทศได้อย่างเสรี การพิจารณาถึงความเชื่อมโยงจึงสมควรถูกหยิบยกขึ้นมาหารือและหาแนวทางป้องกันปัญหาป้องกันความเสี่ยงดีกว่าปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วค่อยมาแก้

 

ขณะนี้ยุโรปตะวันออกได้ชื่อว่าเป็นอนุภูมิภาคที่ได้รับการจับตาอย่างหนักจากทั่วโลกจากกรณีจำนวนของผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นสูงมาก กล่าวคือจำนวนเคสใหม่ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้น 20% นั้นคือจำนวนที่เพิ่มจากยุโรปตะวันออกทั้งที่จำนวนประชากรของยุโรปตะวันออกนั้นคิดเป็นเพียง 4% ของประชากรคนทั้งโลก

อัตราการกระจายวัคซีนของประเทศในยุโรปตะวันออกก็ถือว่าน้อยหากเทียบกับหลายประเทศในยุโรปตะวันตก หากลงรายละเอียดจะพบว่า จำนวนประชากรไม่ถึงครึ่งของยุโรปตะวันออกนั้นได้รับวัคซีนเพียง 1 เข็ม คือยังไม่ครบโดส ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้เคสผู้ป่วยใหม่ในอนุภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 83,700 เคสต่อวัน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบปี

รัสเซียก็เป็นอีกหนึ่งที่ประเทศที่สมควรจับตาอย่างรอบคอบ ประชากรรัสเซียที่มีมากถึง 144 ล้านคนนั้นกระจายกันอยู่ในพื้นที่ประเทศอันกว้างใหญ่ได้รับวัคซีนจนครบแล้วเพียง 48 ล้านคนหรือคิดเป็น 33% ของประชากรทั้งหมด

ขณะที่ยอดผู้ป่วยรายใหม่ของรัสเซียก็พุ่งขึ้นเฉลี่ยกว่า 35,000 คนต่อวันและก็มีแนวโน้มสูงเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้คิดเป็น 40% ของยอดผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปตะวันออก

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้หลายประเทศในยุโรปตะวันออกกลับมาปิดเมืองอีกครั้ง ซึ่งเงื่อนไงในการปิดเมือง ความหนักเบาก็ต่างกันในแต่ละประเทศ เช่น กรณีของมอสโกเมืองหลวงของรัสเซียนั่นสั่งปิดกิจการทั้งหมดยกเว้นกิจการสำคัญบางอย่าง เช่น ร้านค้าสะดวกซื้อ ร้านขายยา เป็นต้น

ลัตเวียก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ขณะนี้ได้ทำการปิดประเทศอีกครั้งเนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ ถึงแม้ว่าลัตเวียซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆ ริมทะเลบอลติกทางตอนเหนือของยุโรปจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะรายได้ต่อหัวประชากรในระดับที่สูง รายได้ประชาชาติในระดับดี ประชากรจำนวนไม่มาก (ประมาณ 2 ล้านคน) แต่อัตราการกระจายวัคซีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ ที่ประมาณ 58% เมื่อเทียบกับยุโรปทั้งหมดที่ 74%

จากกรณีศึกษาในยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะรัสเซียและลัตเวีย ทำให้เห็นชัดว่า จำนวนประชากรหรือฐานะความพอมีพอกินของประเทศไม่ใช่เหตุผลที่ดีในการวิเคราะห์ความเสี่ยงของประชากรในประเทศนั้นๆ

ไทยจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด พิจารณาข้อมูลทั้งในเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อพร้อมปรับเปลี่ยนรายชื่อประเทศที่จะเข้าออกไทยได้อย่างเสรีเพื่อความปลอดภัยและเศรษฐกิจที่กำลังจะเดินหน้าอีกครั้งของคนไทย