เลิกฝากลูกเล็กไว้กับการเรียนออนไลน์

เลิกฝากลูกเล็กไว้กับการเรียนออนไลน์

เด็กเล็กๆ เรียนออนไลน์รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะหน้าจอไม่ใช่หน้าชั้นเรียน บ้านก็ไม่ใช่โรงเรียน การเรียนออนไลน์จึงเป็นเรื่องไม่สนุก

ก่อนโรคระบาดกิจกรรมส่วนใหญ่มักเสร็จสิ้นกันไปในช่วงเวลาที่อยู่ที่โรงเรียน อาจมีการบ้านติดมาทำบ้าง แต่การเล่าเรียนออนไลน์ในวันนี้ดูเหมือนว่าจะมีการมอบหมายงานให้ทำเพิ่มเติมจากช่วงเวลาดูหน้าจอมากมายเกินเหตุ  ดูจอไปชั่วโมงหนึ่ง ตามมาด้วยงานที่ต้องทำอีกสองสามชั่วโมง

การเล่าเรียนออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่ไม่สนุกสำหรับเด็กเล็ก ๆ ไม่สนุกเหมือนที่เรียนกันในชั้นเรียนจริง ๆ พอเบื่อที่ครูกำลังสอนก็ยังมีเพื่อนข้าง ๆให้แอบคุยกันได้บ้าง หมดชั่วโมงเรียนก็ยังมีเวลาให้เล่นกับเพื่อนในกลุ่มที่คุ้นเคยกันได้ การเรียนออนไลน์ไม่มีบรรยากาศเช่นนี้เลย ครูผู้สอนเองก็รู้เรื่องนี้ แต่กลับใช้วิธีลดเวลาหน้าจอด้วยการมอบหมายงานให้เด็กทำเพิ่มมากขึ้น เรียนออนไลน์กันอย่างยาวนานกลายเป็นความทุกข์ทั้งของเด็กที่เรียน และพ่อแม่ที่ต้องช่วยลูกเล็ก ๆในการเรียน

 

ถ้าเปลี่ยนความเชื่อเรื่องผลการเรียนรู้ของลูกเล็กๆ กันเสียใหม่ ลดความสนใจกับผลการสอบตอบปัญหาตามตำราที่สอนกันหน้าจอลงไปบ้าง  ลดการใส่ใจกับการท่องสูตรคูณ  และอีกสารพัดเรื่องวิชาการที่ยากเย็นสำหรับเด็กเล็กๆ แต่หันไปดูว่าอะไรบ้างที่เป็นการเรียนรู้ที่จะทำให้เขามีชีวิตต่อไปในสังคมอย่างมีความสุขและปลอดภัย ซึ่งพ่อแม่ควรใช้โอกาสนี้ส่งมอบมรดกที่มีค่าที่สุดให้กับลูกเล็กๆ คือส่งมอบทักษะชีวิตที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและปลอดภัยให้กับลูก โดยเฉพาะลูกที่อยู่ในช่วงวัยประถมศึกษา

 

ถ้าโรงเรียนออนไลน์สอนกันตั้งแต่แปดโมงยันสามโมง ไม่ว่าเด็กจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถทนเล่าเรียนในสภาพนี้ได้ ลองเปลี่ยนเวลาเรียนตามตำราจากหน้าจอมาเป็นการเรียนจากประสบการณ์จริงในบ้านดูบ้าง  หนีเรียนออนไลน์ไม่ได้ยากเย็นอะไร เปิดจอไว้แต่จะดูไม่ดูอีกเรื่องหนึ่ง พ่อแม่ทำใจไว้สักนิดว่าเทอมนี้ลูกเราอาจสอบตามตำราของโรงเรียนไม่ได้คะแนนดีนัก แต่ลูกเราจะได้ทักษะชีวิตมาทดแทนคะแนนสอบนั้น

 

พ่อแม่ลองหารือกันดูว่ามีทักษะใดบ้างที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข และปลอดภัยที่สามารถสอนกันได้จากบ้าน โดยมีพ่อแม่เป็นโค้ช มีบ้านเป็นสนามประลองฝีมือ ซึ่งพ่อทำธุรกิจอาจเห็นต่างไปจากแม่ที่ทำงานรัฐ แต่ถ้าลงไปที่พื้นฐานจริง ๆแล้วอาจตกลงกันได้หลายเรื่อง  เช่น ทักษะในการดูแลสุขอนามัย แปรงฟัน อาบน้ำ ล้างหน้า ซักเสื้อผ้า รู้จักเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่าง ๆ จะแต่งตัวอย่างไรจะปลอดภัย พ่อแม่สามารถสอนทักษะนี้ให้กับลูกได้ด้วยหลากหลายวิธีการที่ไม่น่าเบื่อเหมือนกับการเรียนหน้าจอ

 

ไม่ต้องรอให้ลูกเรียนวิธีการทำอาหารจากหน้าจอ ลองชวนให้เขามาร่วมทำอาหารง่าย ๆ สอนให้เขารู้จักทำความสะอาดผักผลไม้ ถ้าโตพอจะใช้มีดหั่นผัก ปอกผลไม้ก็ลองให้ทำดู  สอนให้รู้จักเลือกอาหารว่าอย่างไหนดีไม่ดี อย่างไหนจะจัดเก็บกันอย่างไร วันหน้าจะได้ไม่เป็นแค่คุณหนูที่มีความรู้โภชนาการท่วมหัว แต่ทำอาหารจริงไม่เป็น

 

ให้ทักษะการดูแลทรัพยากรต่าง ๆทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน โดยฝึกให้เขารู้จักใช้เงิน รู้ว่าจะเตรียมข้าวของอะไรบ้างในยามปกติ ในยามฉุกเฉินก็รู้ว่าอันไหนเป็นยา อันไหนเป็นเครื่องมือช่วยทำอะไรบ้าง ถ้ามีเหตุร้ายจะต้องทำอย่างไรบ้าง จะป้องกันตัวเองอย่างไร  จะขอความช่วยเหลืออย่างไร ลูกใครมีทักษะนี้ย่อมมีโอกาสผ่านวิกฤติได้มากกว่าคนอื่น

 

ให้ทักษะการคิดวิเคราะห์เพื่อไม่ให้ถูกตำราครอบงำ เถียงหน้าจอกับคุณครูในสาระที่ตำราบอกไว้ผิดๆเป็นเรื่องที่เด็กเล็กๆไม่อยากทำ  พ่อแม่ช่วยกันฝึกให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์ได้โดยสอนให้เขารู้จักตรรกะ รู้ว่าแค่ไหนคือความจริง แค่ไหนคือความเชื่อ  แค่ไหนคือเชื่อมั่นในตนเอง แค่ไหนคือหลงตน  แค่ไหนคือสุภาพ แค่ไหนคือคุกคาม อย่าปล่อยให้เขาเติบโตไปกับความงมงายจากมโนที่ล้อมอยู่รอบตัว โดยเฉพาะจากในตำรา ลูกคิดได้มีคุณค่ากับชีวิตวันหน้ามากมายกว่าคะแนนสอบออนไลน์วันนี้หลายเท่า.