ทัวร์ภาคใต้ของ ‘สีจิ้นผิง’

ทัวร์ภาคใต้ของ ‘สีจิ้นผิง’

การทัวร์ภาคใต้ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเดินทางไปมณฑลกว่างตงและเมืองเสินเจิ้น นับว่ามีความสำคัญมากในเชิงสัญลักษณ์

หลังจากที่จีนเพิ่งผ่านเหตุการณ์วิกฤติเทียนอันเหมินในปี ค.ศ. 1989 ตอนนั้นมีคำถามใหญ่ทั้งในจีนและในโลกว่าจีนจะหันกลับไปปิดประเทศเช่นในอดีต หรือจะเดินหน้าเปิดและพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป

                ในปี ค.ศ. 1992 ผู้นำรุ่นที่ 2 คือเติ้งเสี่ยวผิงในวัย 80 ปลายๆ ได้ตัดสินใจทัวร์ภาคใต้ ได้แก่ มณฑลกว่างตงและเมืองเสินเจิ้น ซึ่งเป็นพื้นที่แรกของจีนที่เริ่มเปิดและพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1980 ข่าวการเยือนภาคใต้และคำกล่าวของเติ้งเสี่ยวผิงที่ชื่นชมความสำเร็จทางเศรษฐกิจของพื้นที่กว่างตงและเสินเจิ้น วาทะเด็ดในวันนั้นของเติ้งเสี่ยวผิงว่า “ผมไม่เคยเดินกลับทางเก่า” นับเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนซึ่งนำไปสู่การเดินหน้าเปิดและปฏิรูปประเทศจีนอีกรอบภายหลังวิกฤตเทียนอันเหมิน

 

               การเยือนภาคใต้ของสีจิ้นผิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ภายหลังที่จีนผ่านพ้นวิกฤติโควิด ในขณะที่ทั่วโลกยังเผชิญวิกฤตวุ่นวายกันอยู่ จีนจะเดินหน้าต่อไม่รอใคร

 

               เมื่อเปรียบเทียบการเยือนภาคใต้ของเติ้งเสี่ยวผิงในปี ค.ศ. 1992 ซึ่งต้องการส่งสัญญาณถึงต่างชาติเป็นหลัก เพื่อเชิญชวนให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจที่จะมาลงทุนที่จีน การเยือนภาคใต้ของสีจิ้นผิงในครั้งนี้กลับต้องการส่งสัญญาณถึงภาคธุรกิจภายในจีนเป็นหลัก ให้รีบกลับมาเดินหน้าเปิดโรงงาน เร่งเดินเครื่องสร้างกำลังการผลิต และปลุกความมั่นใจในการลงทุนภายในประเทศ เพราะตอนนี้หัวใจของเศรษฐกิจจีนคือเศรษฐกิจภายในประเทศ ท่ามกลางความผันผวนภายนอก

 

               สีจิ้นผิงเลือกเยือนเมืองแต้จิ๋ว (เฉาโจว) เป็นที่หมายแรก เพราะแต้จิ๋วยังเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างยากจนเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ที่เหลือของมณฑลกว่างตง สัญญาณแรกที่สีจิ้นผิงต้องการสื่อสารคือ การพัฒนาต้องไม่ทิ้งใครหรือพื้นที่ใดไว้ข้างหลัง

 

               การเชื่อมโยงคลัสเตอร์เมืองในมณฑลกว่างตง เสิ้นเจิ้น ฮ่องกง มาเก๊า ซึ่งมีชื่อเรียกว่ายุทธศาสตร์เขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำไข่มุก หรือ GBA (Greater Bay Area) จะต้องขยายขอบเขตการเชื่อมเมืองเชื่อมโยงไปถึงพื้นที่ที่ยังมีระดับการพัฒนาที่ต่ำ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญ

 

               ไฮไลท์ของการเยือนภาคใต้ในครั้งนี้อยู่ที่สุนทรพจน์ของสีจิ้นผิงที่เมืองเสินเจิ้น เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม ซึ่งเป็นวาระฉลองครบรอบ 40 ปี ของการสถาปนาเสินเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปี ที่แล้ว เสินเจิ้น ซึ่งในขณะนั้นเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ใกล้เกาะฮ่องกง ได้รับการขีดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของจีน ด้วยการริเริ่มของเติ้งเสี่ยวผิง เวลาผ่านไปเพียง 40 ปี ขนาดเศรษฐกิจของเสินเจิ้นเพิ่มขึ้นถึง 1,000 เท่าตัว

 

               เกร็ดที่น่าสนใจก็คือ ในขณะนั้น เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลกว่างตง ซึ่งรับผิดชอบการพัฒนาเสินเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรก ก็คือ สีจงซุ่น ซึ่งก็คือคุณพ่อของสีจิ้นผิงนี่เอง

 

               มีนักวิเคราะห์มองว่า สีจิ้นผิงเป็นผู้นำที่ต่อยอดจากผู้นำรุ่นก่อน เพราะในขณะที่เติ้งเสี่ยวผิงขายความฝันให้เสินเจิ้นกลายเป็นมหานคร สีจิ้นผิงกำลังขายความฝันใหม่ให้เสินเจิ้นกลายเป็นศูนย์กลางของคลัสเตอร์เมืองใหม่คือ GBA ซึ่งเชื่อมโยงเมืองสำคัญของมณฑลกว่างตง เข้ากับเสินเจิ้น ฮ่องกง มาเก๊า โดยนี่จะเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของจีน

 

               หัวใจของสุนทรพจน์อยู่ที่การย้ำเน้นความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยียุคใหม่ โดยให้เสินเจิ้นเป็นเสมือนฮับเทคโนโลยีของเอเชีย โดยเป็นเมืองแห่งการทดลอง แม้แต่การทดลองเงินหยวนดิจิทัล เสินเจิ้นก็เป็นเมืองแรกที่รัฐบาลจีนแจกอั่งเปาให้ประชาชนไปทดลองใช้หยวนดิจิทัลจับจ่ายใช้สอย โดยเพิ่งแจกเงินไปชุดแรก 10 ล้านหยวนให้กับประชาชน

 

               นักวิชาการฝรั่งท่านหนึ่งเคยวิเคราะห์ว่า เสินเจิ้นมีพัฒนาการมาแล้ว 3 ยุค โดยยุคแรกเป็นเมืองที่ดีสำหรับผลิตของถูก (“The good place to make cheap products”) ยุคที่สองเป็นเมืองที่ถูกสำหรับผลิตของดี (“The cheap place to make good products”) ยุคที่สามเป็นเมืองเดียวสำหรับผลิตของดีและถูก (“The only place to make good and cheap products”) นั่นคือ เสินเจิ้นได้กลายมาเป็นตัวเลือกที่ดีและถูกที่สุด ด้วยคุณภาพ ความเร็ว แรงงานทักษะ และการเชื่อมห่วงโซ่การผลิตกับเมืองต่างๆ ในมณฑลกว่างตง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่มีห่วงโซ่การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยียุคใหม่ครบถ้วนที่สุด

 

               ที่สำคัญที่สุดในสุนทรพจน์ก็คือ สีจิ้นผิงได้เน้นย้ำสปิริตของการลองผิดลองถูก โดยได้ใช้วาทะเด็ดของเติ้งเสี่ยวผิงที่ว่า “คลำก้อนหินข้ามแม่น้ำ” คือเน้นปฏิบัติ นำร่องทดลอง ล้มให้เร็ว ลุกให้เร็ว ยืดหยุ่นเพื่อสร้างนวัตกรรมทางนโยบาย โดยสีจิ้นผิงย้ำว่าจะส่งเสริมให้เสินเจิ้นเป็นเขตทดลองโมเดลการพัฒนาและโมเดลเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ ทั้งในเรื่องการเงิน การจัดสรรที่ดิน การลงทุนด้านนวัตกรรม เสินเจิ้นจะเป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินนโยบายรูปแบบใหม่ๆ นโยบายใดสำเร็จ ก็ขยายไปใช้ทั่วประเทศ

 

               ทัวร์ภาคใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วของสีจิ้นผิงจึงเป็นจุดเริ่มต้นของธีม “ไปต่อไม่รอใคร” ในสัปดาห์นี้จีนได้ประกาศตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 โดยโตที่ 4.9% และในปลายเดือนนี้ จะมีการประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อพิจารณาแผน 5 ปี รอบใหม่ (ค.ศ. 2021-2025) ซึ่งจะเป็นข่าวใหญ่ที่สะท้อนทิศทางก้าวต่อไปของจีน