เมื่ออปท.​ “ไม่ยอมรับ” สาธารณูปโภคจัดสรร​

เมื่ออปท.​ “ไม่ยอมรับ” สาธารณูปโภคจัดสรร​

พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การจัดสรรที่ดิน​ 2543​ มาตรา​ 44​ "ผู้จัดสรรที่ดินจะพ้นจากหน้าที่บำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ ตามมาตรา​ 43​

ตามมาตรา​ 43​ เมื่อได้ดำเนินการอย่างใด​ อย่างหนึ่ง​ ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาที่ผู้จัดสรรที่ดินรับผิดชอบการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ ตามมาตรา​ 23​ (5) แล้ว​ ตามลำดับ​ ดังต่อไปนี้​ (1) ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร​ หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นเพื่อรับโอนทรัพย์สินดังกล่าวไปจัดการ และดูแลบำรุงรักษาภายในระยะเวลาที่ผู้จัดสรรที่ดินกำหนด​ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า​ 180​ วัน​ นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากผู้จัดสรรที่ดิน​ (2) ผู้จัดสรรที่ดินได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ(คกก.)ให้ดำเนินการอย่างหนึ่ง​ อย่างใด​ เพื่อการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ และ (3) ผู้จัดสรรที่ดินจดทะเบียนโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้เป็นสาธารณประโยชน์​ การดำเนินการตาม​ (1) และ​ (2) ให้เป็นไปตามระเบียบ คกก.จัดสรรที่ดินกลางกำหนด​ ทั้งนี้​ โดยต้องกำหนดให้ผู้จัดสรรที่ดินรับผิดชอบจำนวนเงินค่าบำรุงรักษาสาธารณูปโภคส่วนหนึ่งด้วย"

แปลความ​ ตามมาตรา​ 44​ ข้างต้น​ หมายความว่าเมื่อผู้จัดสรรที่ดินประสงค์ขอพ้นหน้าที่การบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ โดยผู้ซื้อที่ดินจัดสรรไม่สามารถจัดตั้ง​ นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น​ ภายในระยะเวลาที่กำหนด​ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า​ 180​ วัน​ ให้ผู้จัดสรรที่ดินจัดทำแผนงานบำรุงรักษาสาธารณูปโภคเสนอ คกก. ซึ่งหากผู้ซื้อที่ดินจัดสรรปฏิเสธแผนงานบำรุงรักษาสาธารณูปโภคดังกล่าว​ ให้ผู้จัดสรรที่ดินจดทะเบียนโอนสาธารณูปโภคให้เป็นสาธารณประโยชน์​ 

ผู้จัดสรรที่ดิน​ รวมทั้งบรรดาผู้ที่คลุกคลีระบบการจัดสรรที่ดิน​ ต่างเข้าใจ​ และทราบดี​ กับแนวทางการขอพ้นหน้าที่การบำรุงรักษาสาธารณูปโภคตามมาตรา​ 44 ​ ดังกล่าว​ โดยเฉพาะการจดทะเบียนโอนสาธารณูปโภคให้เป็น​ สาธารณประโยชน์ ตามระเบียบ คกก.จัดสรรที่ดินกลาง​ ปี​ 2545

ทั้งนี้​ เมื่อผู้จัดสรรที่ดินดำเนินการครบทั้งสองแนวทางดังกล่าวแล้ว ผู้จัดสรรที่ดินสามารถนำโฉนดที่ดินแปลงอันเป็นสาธารณูปโภค​ หรือบริการสาธารณะ​ มอบให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด​ หรือจังหวัดสาขา​ จดทะเบียนโอนให้เป็นสาธารณประโยชน์แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น(อปท.)ได้ทันที

พลันเมื่อพ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน​ (ฉบับที่ 2)​ 2558 บังคับใช้ตั้งแต่ พ.ย.2558 และระเบียบ คกก.จัดสรรที่ดินกลางว่าด้วยการโอนสาธารณูปโภคให้แก่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร​ หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น​ และการขออนุมัติดำเนินการเพื่อการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ หรือดำเนินการจดทะเบียนโอนทรัพย์สินให้เป็นสาธารณประโยชน์​ 2559​ ตั้งแต่ 1 ก.ค.2559 จะพบ​ ข้อแตกต่าง จากพ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน​ 2543 มาตรา​ 44​ (2) -​ (3) และระเบียบ คกก.จัดสรรที่ดินกลางว่าด้วยการจัดทำแผนงานบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ และการจดทะเบียนโอนสาธารณูปโภคให้เป็นสาธารณประโยชน์​ 2545​ ยังคงความตามมาตรา​ 44​ (1) และ​ (2) และ​ (3) ให้รวมเป็นอนุมาตราเดียว​ ได้แก่​ ผู้จัดสรรที่ดินได้รับอนุมัติจาก คกก.ให้ดำเนินการอย่างหนึ่ง​ อย่างใด​ เพื่อการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ หรือดำเนินการจดทะเบียนโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้เป็นสาธารณประโยชน์​ ตามมาตรา​ 44 (2)

ระเบียบ คกก.จัดสรรที่ดินกลางว่าด้วยการโอนสาธารณูปโภคให้แก่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร​ หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น​และการขออนุมัติดำเนินการเพื่อกาบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ หรือจดทะเบียนโอนทรัพย์สินให้เป็นสาธารณประโยชน์​ 2559​ หมวด​ 3​ ข้อ​ 18.​ และข้อ​ 19.​ (4) หลักฐานการรับทราบจากหน่วยงานที่จะรับโอนทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภคให้เป็นสาธารณประโยชน์

ข้อกำหนดดังกล่าว​ หมายถึง​ หนังสือตอบรับ​ หรือแสดงความประสงค์ หรือยินยอมรับโอนทรัพย์สิน​อันเป็นสาธารณูปโภคจากอปท.​ ผู้จัดสรรที่ดิน​ มีหน้าที่ต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินฯ​ พร้อมเอกสารหลักฐานอื่น​ เจ้าพนักงานที่ดินฯ​ จึงจะจดทะเบียนโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ผู้จัดสรรที่ดิน หากไม่มีหนังสือ​ รับทราบ จากอปท.​ เจ้าพนักงานที่ดินฯ​ ก็มิอาจจดทะเบียนโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ อปท.ได้

อย่างไรก็ตาม​ ผู้จัดสรรที่ดิน​ จำนวนไม่น้อย ประสบปัญหาที่ อปท.​ หลายแห่งไม่ยินยอมรับโอนทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภค​ และค่าบำรุงรักษาสาธารณูปโภคจากผู้จัดสรรที่ดิน​ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ​ กรณี​ ทั้งงบประมาณส่วนกลางจัดสรรสู่ท้องถิ่น​ มีจำนวนน้อย​ ไม่เพียงพอต่อการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ที่มีจำนวนมากในพื้นที่ รวมทั้งอัตรากำลังพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ​ อาจมีจำนวนจำกัด​ หรือเหตุอื่นๆ​ เป็นต้น

เมื่ออปท.ไม่ยินยอมรับสาธารณูปโภคของโครงการจัดสรรที่ดิน​ และเจ้าพนักงานที่ดินฯ​ ไม่สามารถจดทะเบียนโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้เป็นสาธารณประโยชน์​ ตรงตามเจตนารมณ์ของผู้จัดสรรที่ดิน​ และผู้ซื้อที่ดินจัดสรร

ถามว่าความผิดดังกล่าว​ อยู่ที่ผู้ใด​ ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร​ หรือกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน​ ฉบับแก้ไข​เพิ่มเติม​ ปี​ 2558​ และ/หรือระเบียบ คกก.จัดสรรที่ดินกลาง​ ปี​ 2559​ หรือ อปท.​ แม้ผู้จัดสรรที่ดินได้แสดงสำเนารายงานการประชุมผู้ซื้อที่ดินจัดสรรที่มีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของแปลงจำหน่ายทั้งหมด​ ให้โอนทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภคให้เป็นสาธารณประโยชน์แก่อปท.​ และพนักงานเจ้าหน้าที่​ กรมที่ดิน​ทราบแล้ว

คำตอบที่ได้จากพนักงานเจ้าหน้าที่​ “กรมที่ดิน เมื่อ อปท. ไม่ยินยอมรับโอนทรัพย์สิน​ พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ​ ก็มิอาจจดทะเบียนทรัพย์สินให้แก่ผู้จัดสรรที่ดินได้​ ผู้จัดสรรที่ดินก็ยังไม่พ้นหน้าที่การบำรุงรักษาสาธารณูปโภค​ตามมาตรา​ 44​ อีกทั้งผู้จัดสรรที่ดินยังคงมีหน้าที่การบำรุงรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภค​ ตามมาตรา​ 43 ของพ.ร.บ.การจัดสรรที่ดินฯ​ ต่อไป

กรณีข้างต้น​ อาจไม่ต่างจากมารดา​ ยกลูก ให้พัฒนาสังคมจังหวัดดูแลบุตรสาว​ (แทนตน)​ เหตุเพราะสามีใหม่ไม่ยินดี​ ไม่ยินยอมรับบุตรสาวที่เกิดจากสามีเก่า​ หากพัฒนาสังคมจังหวัดขาดงบประมาณ หรืออัตรากำลังพนักงานเจ้าหน้าที่​ บุตรสาว​ หรือบุตรชายที่เกิดจากสามีเก่า​ จำนวนหลายคน​ อาจเป็นร้อย เป็นพันชีวิต​ บุตรสาว​ และบุตรชายทั้งหลายเหล่านั้น จะให้หน่วยงานภาครัฐแห่งใด​ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กและเยาวชนดังกล่าว​ ?

โดย...

พิสิฐ ชูประสิทธิ์

นายกสมาคมนักบริหารอาคารชุด – หมู่บ้านจัดสรรไทย

“ที่ปรึกษา” ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ

[email protected]