'โควิด-19' ตัวเร่งมหาวิทยาลัย ปรับตัวสู่ ‘โลกออนไลน์’

วิกฤติครั้งนี้กำลังทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 เรามักจะพูดกันเสมอว่ามหาวิทยาลัยจะถูกดิสรัปจากเทคโนโลยีดิจิทัล และยังพูดถึงประเด็นของนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อมีจำนวนลดลง ซึ่งมหาวิทยาลัยหลายแห่งได้เห็นตัวเลขของการรับนักศึกษาตามระบบทีแคส (TCAS : Thai University Center Admission System) ซึ่งระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยระบบใหม่ ทั้งสองรอบแล้วก่อนเกิดวิกฤติ โดยเริ่มมีความเป็นห่วงต่อจำนวนนักศึกษาที่สมัครและตอบรับลดลงอย่างมาก
ทันทีที่มหาวิทยาลัยต้องปิดเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 หลายแห่งเริ่มเปิดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงการทดแทนการสอนในรูปแบบเดิมๆ เพียงชั่วคราว แต่แท้จริงแล้ววิกฤติครั้งนี้กำลังทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล และกลายเป็นตัวเร่งทำให้ทุกองค์กรต้องทำ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ภาคบังคับ ซึ่งโลกหลังยุคโควิดอาจเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้แล้ว โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น ออฟฟิศที่ทำงานจะไม่เหมือนเดิม คนทำงานจะต้องมีทักษะและวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไป อาชีพบางอย่างอาจจะหายไป การเรียนการสัมมนาจะมุ่งสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและบริการด้านดิจิทัลจะเติบโตขึ้น การใช้เทคโนโลยีเอไอจะแพร่หลายมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้จะยิ่งมีผลกระทบอย่างมากหากวิกฤติ โควิด-19 ลากยาวไปอีกหลายเดือน โดยเฉพาะถ้า Social Distancing ยังมีความสำคัญ คนยังต้องใช้ชีวิตออนไลน์ การเรียนการสอนยังอยู่ในแบบออนไลน์ ทุกคนก็จะมีความคุ้นเคยกับชีวิตออนไลน์และจะทำให้สุดท้ายแล้วมหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนแปลงอย่างที่เราไม่เคยคิดมาก่อน โดยมีวิกฤติ โควิด-19 กำลังเป็นตัวเร่งทำให้มหาวิทยาลัยถูกดิสรัป เและเราอาจเห็นหลายๆ มหาวิทยาลัยหรือหลายสาขาจะต้องปิดตัวเร็วๆ นี้
ผู้เรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ในมหาวิทยาลัยก็จะเริ่มมีคำถามว่า ทำไมต้องมาเรียนออนไลน์กับมหาวิทยาลัยนี้ ในเมื่อโลกออนไลน์สามารถเรียนที่ใดก็ได้ หลักสูตรใดก็ได้ หรือเรียนกับผู้สอนคนไหนก็ได้ ผู้เรียนย่อมเลือกเรียนในสถาบันซึ่งสอนออนไลน์ได้ดีที่สุด และอาจเรียนหลายๆ หลักสูตรพร้อมกัน โดยไม่จำเป็นต้องจบจากมหาวิทยาลัยแห่งเดียว การที่ผู้ประกอบการมีความต้องการคนทำงานที่มีทักษะจริงมีความรู้จริง ผู้เรียนก็ยิ่งต้องขวนขวายหาความรู้อย่างจริงจัง อาจต้องการประกาศนียบัตร (Certification) จากสถาบันชั้นนำมากกว่าการเรียนเพื่อเก็บเกรดแบบเดิมๆ
สาขาที่จะอยู่รอดได้คือมีความต้องการสูง หรือสาขาที่สามารถรองรับการทำงานในอาชีพใหม่ๆ หลังยุคโควิดได้ รวมถึงสาขาที่ไม่สามารถทำการเรียนการสอนแบบออนไลน์ได้เนื่องจากมีวิชาปฏิบัติ เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ หรือด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ส่วนสาขาที่สามารถสอนออนไลน์ได้จะมีการแข่งขันสูง มหาวิทยาลัยจะแข่งขันแบบไร้พรมแดน ต้องสู้กับหลักสูตรออนไลน์ในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาทั่วโลก มหาวิทยาลัยใดมีรูปแบบการสอนออนไลน์ได้ดีกว่า มีชื่อเสียงที่ดีกว่า มีผู้สอนที่มีความโดดเด่นย่อมจะได้เปรียบ
รายได้ของมหาวิทยาลัยก็จะน้อยลงเนื่องจากหลายหลักสูตรจะเป็นการสอนออนไลน์ ไม่สามารถจะเก็บค่าธรรมเนียมเท่าเดิมได้ รูปแบบการทำงานของบุคลากรในมหาวิทยาลัยจะไม่เป็นเช่นเดิม บุคลากรสายสนับสนุนจำนวนมากก็อาจมีภาระงานที่น้อยลงและต้องการทักษะดิจิทัลมากขึ้น อาจารย์ที่อยู่ในสาขาที่ต้องสอนออนไลน์ หากไม่สามารถพัฒนารูปแบบการสอนหรือเพิ่มความรู้ใหม่ๆได้ก็อาจประสบปัญหาในการสอน
ดังนั้นมหาวิทยาลัยจำเป็นต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อก้าวไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัล ต้องทำองค์กรให้เล็กลงมีความคล่องตัว ปรับกฎระเบียบ ต้องคิดทุกอย่างโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการเรียนการสอนเป็นลำดับแรก (Digital First) เว้นแต่ไม่สามารถใช้ดิจิทัลได้จริง จึงค่อยกลับสู่การสอนในรูปแบบเดิม
ใช่ครับ วันนี้ไม่ใช่วันแห่งการรอคอยว่าเมื่อไรรูปแบบเดิมจะกลับมา เพราะจะมีอีกแล้ว วันนี้คือวันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ทุกฝ่ายไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
BCG บูรณาการเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
22 ส.ค. 2565 | 19:00มรดกอาเบะโนมิกส์ (2/2) | เนตรนภา ไวทย์เลิศศักดิ์ (ยาบุชิตะ)
14 ส.ค. 2565 | 16:40ชำแหละ “ประวิตร” ต้นแบบ “ระบอบบ้านใหญ่” ใต้ชายคา “ทักษิณ”
14 ส.ค. 2565 | 15:57บทบาทของเจ้าหน้าที่รัฐกับสถานบันเทิง กรณีเมาท์เทนบี ผับ
12 ส.ค. 2565 | 16:09ส่องแม่ของคนดังสอนอะไร ที่ลูกควรรู้
12 ส.ค. 2565 | 13:35