เมื่อข้อมูลในระบบไม่ถูก ระบบคัดกรองก็ทำงานได้ไม่ดี
ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย ถ้าไม่มีข้อมูล มันทำงานตามข้อมูลที่มีอยู่
การคัดกรองเงินเยียวยา 5,000 บาท โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการพิจารณากลั่นกรองไม่ว่าจะเป็นเอไอ หรือ Rule-based (การใช้แชตบอทที่พัฒนาให้สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านเงื่อนไขที่กำหนดไว้) ก็ต้องใช้ข้อมูล หากจะทำระบบได้ดีต้องมีบิ๊ก ดาต้าจริง มีข้อมูลจำนวนมากและหลากหลาย และที่สำคัญยิ่งต้องมีข้อมูลของประชาชนแต่ละคนที่ทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง มีความทันสมัยและถูกต้อง
ระบบคัดกรองต้องเชื่อมโยงกับระบบข้อมูลต่างๆ ทั้งข้อมูลกรมสรรพากร ข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูลเกษตรกร ข้อมูลประกันสังคม ข้อมูลกยศ. (กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา) ข้อมูลสถาบันการศึกษา ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ข้อมูลกรมการขนส่งทางบก คำถามที่น่าสนใจคือ รัฐบาลมีการเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดหรือไม่ และมีการปรับปรุงข้อมูลประชาชนแต่ละคนเพียงใด มีการไหลของข้อมูลบ่อยหรือไม่
กรณีที่ผู้ยื่นขอเงินเยียวยาถูกปฏิเสธแล้วระบุว่า มีอาชีพอย่างอื่น ก็อาจต้องไปย้อนคิดดูว่า เขาเคยมีข้อมูลในระบบฐานข้อมูลเหล่านั้นหรือไม่ ครอบครัวเคยลงทะเบียนเกษตรกรหรือไม่ เคยใช้สวัสดิการอื่น หรือเคยขอเงินสวัสดิการบัตรประชารัฐแล้วกรอกอาชีพอย่างไร ในเมื่อข้อมูลเก่ายังอยู่ในระบบก็ไม่แปลกที่เบื้องต้นจะถูกปฎิเสธ
ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย ถ้าไม่มีข้อมูล มันทำงานตามข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลที่เรากรอกหรือข้อมูลที่เราปรับปรุง อย่าไปโทษว่าระบบคอมพิวเตอร์คัดกรองข้อมูลแย่อย่างเดียว เพราะความเป็นจริงโปรแกรมก็ทำงานตามคำสั่งมนุษย์ คนต่างจังหวัดจำนวนมากเมื่อเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ทะเบียนบ้านก็ยังอยู่ต่างจังหวัดไม่เคยให้ข้อมูลใดๆ ว่าตอนี้ทำอะไร บางคนญาติที่ต่างจังหวัดยังไปลงทะเบียนรับสิทธิ์อื่นๆ มากมาย ทั้งเงินช่วยเหลือเกษตรกร เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำให้ข้อมูลตนเองไปอยู่ในฐานข้อมูลระบบอื่นๆ
หลายคนอาจประกอบอาชีพอิสระแต่ที่ผ่านมาก็อาจ,ไม่เคยมีข้อมูลใดเข้าสู่ระบบของรัฐ ไม่เคยจดทะเบียนการค้า ไม่ลงทะเบียนพาณิชย์ ไม่เคยใช้ระบบออนไลน์ในการชำระเงิน บ้างก็กลัวเรื่องการจ่ายภาษี บ้างก็อาจติดปัญหาส่วนตัว สุดท้ายรัฐบาลก็ไม่มีข้อมูลคนเหล่านั้นอยู่ในระบบเลย
ยิ่งถ้าบุคคลนั้นไม่มีข้อมูลอื่นๆ ในระบบเลย ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ระบบจะตอบกลับมาว่าไม่มีข้อมูล การจะให้พิจารณาเฉพาะเอกสารที่กรอกคงไม่เพียงพอ ต้องหาข้อมูลในระบบอื่นมายืนยัน เพื่อความถูกต้อง จึงต้องเห็นใจระบบของรัฐที่ไม่มีข้อมูลของกลุ่มคนอาชีพอิสระจำนวนมากที่ต้องการเยียวยา หลายคนไม่เคยอยู่ในระบบภาษี ไม่เคยอยู่ในระบบประกันสังคม หรือระบบสวัสดิการอื่นๆ จึงไม่แปลกใจที่ได้คำตอบว่าไม่มีข้อมูลเพียงพอ
ดังนั้นอย่าโยนความผิดให้เอไอเลยครับ บางครั้งก็เป็นความผิดที่คน อาจผิดพลาดทั้งภาครัฐและตัวเราเอง ถ้าสังคมโปร่งใส มีข้อมูลทุกอย่างถูกต้องมาตลอด เราเองเข้าระบบเปิดเผยข้อมูล ข้อมูลภาครัฐก็จะแม่นยำ ภาครัฐเองก็อาจต้องรวบรวมข้อมูลบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
เมื่อไม่มีข้อมูล ในที่สุดการตรวจสอบที่ถูกต้องก็ต้องเปลี่ยนจากระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นการใช้คนเข้ามาตรวจสอบ สัมภาษณ์ ดูสถานที่จริง เช่นเดียวกับการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่ต้องใช้วิธีนี้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะต้องการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนจริงๆ แค่ไหน สุดท้ายแล้วเราก็สามารถช่วยคนเดือดร้อนจริงที่ถูกปฏิเสธถ้าเปลี่ยนจากระบบคอมพิวเตอร์มาใช้คนประเมินแทนในบางกรณีโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่มีข้อมูลในระบบหรือข้อมูลไม่ทันสมัย
สุดท้ายหลังจากงานนี้ เมื่อเรามีรายได้ กลับเข้าทำงาน ทุกคนก็ต้องควรเข้าสู่ระบบที่ถูกต้อง ลงทะเบียนตามอาชีพจริง ชำระภาษีให้กับรัฐบาลให้ครบถ้วน ถ้าเราหวังว่าจะให้ประเทศช่วยเรา เราก็ต้องทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศเช่นกัน อย่าเพียงแต่หวังให้ประเทศช่วยเรายามที่เราเดือดร้อนเท่านั้น