One Team One Goal เราต้องชนะ

One Team One Goal เราต้องชนะ

ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม เมื่อโรคไร้พรมแดน ทุกชาติจึงต้องระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วน เพื่อรับมือกับความตกต่ำอย่างที่สุดในทุกด้าน

ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุข สมัยเรายังเป็นเด็ก หรือครอบครัวที่มีลูกเล็ก มักจะเตรียมลานทรายไว้ให้ลูกเล่น จะเสกสรรปั้นแต่ง อยู่ในนั้นปลอดภัยและไม่สร้างความวุ่นวายในพื้นที่อื่น เรียกว่าจำกัดความเสียหาย แยกส่วนกันความปั่นป่วนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในงานด้านนวัตกรรมหรือการสร้างสิ่งใหม่ที่อาจต้องการการทดสอบในพื้นที่หรือสถานการณ์เฉพาะ จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่หนึ่งซึ่งแยกออกมาจากพื้นที่ใช้งานทั่วไป ไม่ต่างจากห้องแล็บ ที่เราจะควบคุมสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ เรียกว่า sandbox แต่ในกรณีของวิกฤตไวรัสโควิด 19 ที่ระบาดไปทั่วโลกในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องจำลองสถานการณ์ เพราะนี่คือสมรภูมิจริงที่ทุกคนถูกบังคับให้เข้าร่วม

จากการรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้าน ใส่หน้ากากอนามัย และเพิ่มระยะห่างทางสังคม (Social distancing) แต่ถ้ายังหยุดยั้งไม่ได้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ จะเริ่มเข้มข้นขึ้น ลองมาดูตัวอย่างมาตรการปิดเมือง #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ รับมือ COVID-19 ของอังกฤษ เรียนรู้ และเตรียมพร้อมไว้ จะได้ไม่ตื่นตกใจ เพราะไทยก็อาจจะต้องปฏิบัติคล้ายกัน และอาจจะเข้มข้นเหมือนอู่ฮั่นของจีนในที่สุด

ลองจินตนาการกันดูว่า ถ้าประเทศไทยปิดเมืองปิดประเทศ เราจะรับมืออย่างไร ให้ยังปลอดโรค ปลอดภัย ขวัญกำลังใจยังดี มีงานทำ มีเงินใช้ ไม่เครียดเสียก่อน How to stick together, by staying apart  ดังนี้

1.Stay at home - no unnecessary journeys or social contact อยู่บ้าน ไม่มีความจำเป็นให้งดเดินทาง และติดต่อสัมพันธ์กับคนข้างนอก หันมาทำงาน เรียนรู้ ใช้ชีวิต เสริมทักษะใหม่ๆ และคิดสร้างสรรค์จนถึงสร้างนวัตกรรม จากหนังสือขายดีทั่วโลก 7 Habits of Highly Effective People ที่เขียนโดย Stephen R. Covey ได้บอกไว้ชัดว่า อุปนิสัยที่ 7 คือ Sharpen the Saw เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ใช้ทักษะความสามารถที่ตนเองมีในการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องมากนาน จนความรู้ความสามารถนั้นๆเริ่มเสื่อมถอยด้อยค่าและไม่สอดรับกับบริบทใหม่ในยุคดิจิทัล หรือยุคอุตสาหกรรม 0 กันแล้ว ดังนั้นใช้ช่วงเวลานี้มาลับเลื่อย เสริมปัญญาความสามารถให้เฉียบคม ด้วยการแบ่งเวลาวันละนิดเลือกเรียนออนไลน์ในความรู้ใหม่ๆ

2.Only leave home for essential shopping or medical needs ออกจากบ้านเมื่อจำเป็นจริง ๆ อาทิ ซื้ออาหาร ซื้อของใช้ในครัวเรือนและยา แนะนำให้ส่งตัวแทนในครอบครัวไปคนเดียวพอ สิ่งที่อยากชวนทุกคนมาปรับเปลี่ยนนิสัยกันใหม่คือ การวางแผน ทุกคนต้องหันมาจด มากกว่าจำ รายการสิ่งของเครื่องใช้และวัตถุดิบที่จะมาทำอาหาร จะต้องจดบันทึกใส่ไว้ในสมาร์ทโฟน ทำบัญชีสต็อกของจำเป็นไว้ในแอพ สั่งให้มันเตือนเมื่อใกล้หมด และสามารถนำรายการนั้นไปใช้สั่งซื้อออนไลน์ได้ทันที เชื่อว่าหลังจากสถานการณ์ดีขึ้น และในอนาคตเรามีวัคซีนสามารถควบคุมและรักษาโควิดได้ การค้าและการชำระเงินแบบออนไลน์จะกลายเป็นวิถีใหม่ที่ทุกคนคุ้นเคยจนลืมการใช้เงินสดไปได้

3.Or one form of exercise per day หรือถ้าต้องออกกำลังกายภายนอก ให้เน้นแบบเดี่ยว ไม่ข้องเกี่ยวกับใคร กรณีสิงคโปร์ อนุญาตให้ออกกำลังกายภายนอกบ้านได้วันละครั้ง เข้าใจว่าน่าจะเป็นมาตรการผ่อนคลายไม่ให้คนเครียดจนเกินไป สำหรับบางคนที่เมื่ออยู่ในที่อุดอู้มานาน อาจพาลหัวเสียและหงุดหงิดได้ เพราะคนสิงคโปร์จำนวนไม่น้อยอาศัยในที่พักแนวดิ่ง อาทิ คอนโด แฟลต อพาร์ทเมนท์ ซึ่งไม่สะดวกสบายและมีพื้นที่กว้างมากพอแบบคนไทย แต่อย่างไรก็ตามยืดเส้นยืดสายอยู่ในบ้านดีที่สุด บางคนเลือกที่จะเอาจักรยานขึ้นแท่นปั่น แล้วเอาแท็บเล็ตมาตั้งด้านหน้า เปิดยูทูบและเลือกค้นคำว่า “biking view” มีคลิปวิวสวยๆที่พาเราเพลิดเพลินเหมือนออกไปปั่นจริง

4.Or travelling to work if absolutely necessary ทำงานที่บ้านได้เป็นดี หรือถ้าจำเป็นต้องเดินทางไปทำงาน ต้องเป็นงานที่สำคัญจริง ๆ ที่รัฐผ่อนปรนหรือยกเว้นให้ ไม่แน่จากมาตรการ Work from home ที่คำฮิตพูดติดปากกันทุกคนทุกองค์กรในวันนี้ อาจกลายเป็นรูปแบบและวิธีการทำงานแบบใหม่ที่ผสมผสานระหว่างการทำงานที่บ้านและที่ทำงานในอนาคต การเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ดิจิทัล (Digital transformation) จะได้ทดลองใช้กันแบบจริง ๆ ก็ในวันนี้ ไม่ต้องผัดวันประกันพรุ่ง และบ่นกันว่ายังไม่พร้อม ยังไม่มีเวลากันอีกต่อไป 

5.Public gatherings of more than two people you live with ไม่รวมกลุ่มกันเกินสองคนในที่สาธารณะ เว้นระยะห่าง 2 เมตร อันนี้น่าจะเหมือนกันทุกประเทศ แต่ดูเหมือนว่าประเทศในเอเชียจะทำได้ดีในสิ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีทักทายอย่างการไหว้ของคนไทย คนอินเดีย การโค้งคำนับแบบญี่ปุ่น ซึ่งต่างจากชาติตะวันตกซึ่งมักจะใช้การสัมผัสที่ถึงตัว อาทิ การจับมือ การโอบกอด การจุมพิต และการสัมผัสข้างแก้ม และอีกสิ่งหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นผลพลอยได้จากการที่ไทยเราต้องรับมือกับปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ก่อนหน้านี้ ทำให้การสวมหน้ากากป้องกัน กลายเป็นเรื่องปกติประจำวัน และไม่มีการมองด้วยสายตาแปลกๆแต่อย่างไร

6.Police can fine you if you don't follow the rules ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อาจโดนจับปรับโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีในบางจังหวัดของไทยก็มีประกาศและคำสั่งออกมาจากผู้ว่าราชการจังหวัด บทลงโทษมีตั้งแต่ปรับเป็นเงิน จำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่คงไม่โหดถึงขนาดขู่ยิงถ้าใครขัดขืนอย่างฟิลิปปินส์ หรือหวดให้ได้เสียวด้วยไม้เหมือนอินเดีย

 

I hope you all are staying safe, washing your hands, and staying at home during this time เหตุการณ์ ณ วันนี้ ไม่สามารถตามใจใครได้ มีสิ่งเดียวคือต้องร่วมแรง ร่วมใจ ทำตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่รัฐกำหนด เอาเวลาว่างๆที่อยู่บ้าน คิดปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ถึงตอนนั้นใครลุกได้ก่อน เดินได้ไกล วิ่งได้เร็ว ย่อมฟื้นคืนอาชีพได้ในทันที