สหรัฐฉลองเอกราช & ความเป็นทาสเพิ่ม | ไสว บุญมา

สหรัฐฉลองเอกราช & ความเป็นทาสเพิ่ม | ไสว บุญมา

สหรัฐประกาศเอกราชครบ 246 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ชาวอเมริกันจัดงานฉลองวันนั้นกันอีกครั้งดังที่ทำกันมาทุกปี

 

ส่วนประกอบสำคัญของงานนี้ได้แก่ การจุดดอกไม้ไฟในตอนค่ำ ทั้งในงานที่ภาครัฐจัดและงานที่เอกชนจัดขึ้นเอง โดยทั่วไปเอกชนมักจุดดอกไม้ไฟกันไปบ้างตั้งแต่คืนวันที่ 3 ก.ค. ด้วยเหตุนี้ทั่วสหรัฐจึงมีเสียงดอกไม้ไฟในช่วงหัวค่ำของทั้ง 2 คืน 

อย่างไรก็ดี ปีนี้มีรายงานว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากไม่กล้าออกจากบ้านไปร่วมงานฉลองเอกราช เพราะวิตกว่าเสียงดอกไม้ไฟที่ดังสนั่นหวั่นไหวนั้นจะมีเสียงปืนปนอยู่ด้วย ต้นตอของความวิตกดังกล่าวมาจากเหตุการณ์ที่ชาวอเมริกันใช้อาวุธปืนสังหารหมู่ผู้อื่นบ่อยมาก (นิยามของความพยายาม “สังหารหมู่” คือมีผู้บาดเจ็บหรือตายไม่ต่ำกว่า 4 คนโดยไม่รวมผู้ยิง) เกิดเหตุการณ์จำพวกนี้ขึ้นแล้วกว่า 300 ครั้ง เฉพาะในวันที่ 4 ก.ค. มีรายงานว่าเกิดขึ้นถึง 14 ครั้ง และเหตุการณ์ที่มีความสยดสยองที่สุดเกิดขึ้นท่ามกลางงานฉลองวันเอกราชของย่านชานนครชิคาโก ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 6 คนและบาดเจ็บอีกหลายสิบคน

 

 

สหรัฐฉลองเอกราช & ความเป็นทาสเพิ่ม | ไสว บุญมา

(ภาพถ่ายโดย Jonas Von Werne)

 

งานนั้นถูกยกเลิกไป งานเล็กใหญ่ในย่านนั้นก็ถูกยกเลิกไปด้วย ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้ในวันรุ่งขึ้น เป็นหนุ่มอายุ 21 ปี ซึ่งมีปืนยาวชนิดยิงเร็วที่ใช้ในการสังหารหมู่นั้นไว้ในครอบครองแบบถูกต้องตามกฎหมาย

คอลัมน์นี้อ้างถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ดังกล่าวแล้วหลายครั้ง ปัจจัยที่ทำให้มันเกิดขึ้นมีมาก แต่มักมองเห็นแบบเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดได้ยาก จึงก่อให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ปัจจัยที่ถกเถียงกันอย่างเข้มข้นที่สุดคงได้แก่ กฎหมายที่ยินยอมให้ประชาชนแสวงหาอาวุธปืนมาไว้ในครอบครองได้ง่ายมาก รวมทั้งปืนยิงเร็วจำพวกที่ใช้ในสงคราม 

รัฐสภาไม่สามารถแก้กฎหมายได้ เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่เป็นทาสของนายทุนที่ทำกิจการผลิตและค้าอาวุธปืน เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐสภาผ่านร่างกฎหมายใหม่หลังถกเถียงกันมาเกือบ 30 ปี ปัจจัยที่ผลักดันให้กฎหมายนั้นผ่านได้แก่เหตุการณ์สุดสยองในรัฐเทกซัสเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 

 

 

สหรัฐฉลองเอกราช & ความเป็นทาสเพิ่ม | ไสว บุญมา

(ภาพถ่ายโดย Ahshea1 Media)

 

กล่าวคือ หนุ่มอายุ 18 ปีที่บุกเข้าไปในโรงเรียนชั้นประถมยิงเด็กตาย 19 คน ครูตาย 2 คน พร้อมกับบาดเจ็บอีก 17 คน แต่ในกฎหมายฉบับใหม่ไม่มีอะไรที่จะทำให้มองได้ว่า สิทธิของการครอบครองปืนชนิดยิงเร็วจะเปลี่ยนไป หรือลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

แรงจูงใจที่ทำให้เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ 2 ครั้ง ที่อ้างถึงนั้นยังไม่เป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดนัก ต่างกับเหตุการณ์ในวันที่ 14 พ.ค. เมื่อหนุ่มผิวขาวอายุ 18 ปีบุกเข้าไปยิงคนผิวดำในตลาดตายไป 10 คน 

แรงจูงใจของเขาได้แก่ การเกลียดชังคนผิวดำ ซึ่งบรรพบุรุษเคยเป็นทาสของคนผิวขาวในสหรัฐ หลังระบบทาสถูกยกเลิกไปแล้ว 157 ปี แต่ชาวอเมริกันผิวขาวจำนวนมากกลับเป็นทาสเสียเอง เป็นทาสของความเกลียดชังคนผิวดำอย่างเข้มข้นจนถึงกับพร้อมฆ่าคนผิวดำได้แบบไม่ต้องมีเหตุอื่น

เหตุปัจจัยที่ทำให้การสังหารหมู่ในช่วงนี้มีบ่อยขึ้นมาก แต่มองเห็นได้ยาก อาจมาจากความเครียดที่เพิ่มขึ้นของชาวอเมริกันซึ่งเป็นทาสของความคาดหวัง ชาวอเมริกันถูกล้างสมองให้คาดหวังว่า ตนจะต้องมีกินมีใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีที่สุด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกใบนี้มีทรัพยากรจำกัด 

ในยุคนี้ นอกจากจะไม่มีกินมีใช้มากขึ้นตามความคาดหวังแล้ว ชาวอเมริกันจำนวนมากกลับมีกินมีใช้น้อยลง ทั้งนี้เพราะส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ไปตกอยู่ในมือของเศรษฐีเพียงกลุ่มเดียว ภาวะในระยะยาวนี้กำลังถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤติจากโควิด-19 และภาวะเงินเฟ้อ

สหรัฐกำลังเขียนประวัติศาสตร์ของความเป็นทาสแบบสด ๆ ให้เป็นบทเรียนแก่ชาวโลก นอกจาก 3 อย่างที่อ้างถึงแล้ว ยังมีอย่างอื่นที่น่าใส่ใจอีก ส่วนชาวโลกจะพยายามเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การปรับใช้ในการพัฒนาบ้านเมืองของตนหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัญญาและเจตนาของสมาชิกของแต่ละสังคม