ถอดรหัส 'Green DNA' SC Asset 'บ้านเขียว–อยู่ดี' เบื้องหลังงานดีไซน์แห่งอนาคต

ถอดรหัส 'Green DNA' SC Asset 'บ้านเขียว–อยู่ดี' เบื้องหลังงานดีไซน์แห่งอนาคต

ในวันที่คำว่า "บ้าน" ไม่ได้หมายถึงที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่คือพื้นที่รักษาสุขภาพกาย-ใจ และต้องไม่สร้างภาระให้สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน SC Asset กำลังนิยามการการออกแบบบ้านยุคใหม่ ผ่านแนวคิด Green DNA ที่ผสานความยั่งยืนตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการคิดไปจนถึงวัสดุชิ้นสุดท้ายในไซต์ก่อสร้าง

เมื่อบ้านไม่ได้แค่สวย…แต่ต้อง "อยู่แล้วดี"

ท่ามกลางภาวะโลกร้อนที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นประสบการณ์ตรงของคนในเมืองทุกวัน องค์กรพัฒนาอสังหาฯ ทั่วโลกต่างต้องเร่งปรับตัว แต่มีไม่กี่รายที่ขยับจาก "ทำเพราะต้องทำ" ไปสู่ "ทำเพราะเชื่อว่านี่คืออนาคต"

สำหรับ SC Asset "บ้านที่ดี" ต้องตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย พร้อมๆ กับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

หัวใจสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ อยู่ที่คนเบื้องหลังผลงานการออกแบบบ้านแนวราบ ภาณุพงษ์ ชินมหาวงศ์ ฝ่ายสถาปัตยกรรม SC Asset ผู้ถ่ายทอดว่า บ้านที่ดี ไม่ได้วัดกันแค่ดีไซน์หรือราคา แต่ต้องตอบโจทย์ความสุขของผู้อยู่อาศัย และต้องไม่สร้างภาระให้โลกใบนี้

นี่คือที่มาของแนวคิด Green DNA เข้ากับ Well-being ที่กลายเป็นแกนหลักของทุกโครงการของ SC Asset

Mid-Century Modern ที่ไม่ใช่แค่สวยแต่เชื่อมโยงธรรมชาติ

หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนจิตวิญญาณความเขียวของ SC Asset คือ เวนิว ฟอร์ม บางนา–ศรีวารี โครงการที่ออกแบบด้วยสไตล์ Mid-Century Modern มาตีความให้สอดรับกับบริบทเมืองและสภาพอากาศไทย ดีไซน์โดดเด่นด้วย Double Volume, โอเพ่นแพลน เส้นโค้งแบบ Organic Form และ Foyer ต้อนรับที่เชื่อมพื้นที่ภายในกับเอาต์ดอร์อย่างลื่นไหล 

ถอดรหัส 'Green DNA' SC Asset 'บ้านเขียว–อยู่ดี' เบื้องหลังงานดีไซน์แห่งอนาคต

องค์ประกอบเหล่านี้ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อสร้าง "ความรู้สึก" ของบ้าน ให้มีความอบอุ่น นุ่มนวล และเป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัยมากขึ้น Double Volume ช่วยให้แสงและลมกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ขณะที่เส้นโค้งช่วยลดความแข็งของพื้นที่ เปลี่ยนบ้านให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง

ดีไซน์ที่เริ่มจากธรรมชาติ ก่อนจะกลายเป็นแบบบ้าน

แนวคิด Green ของ SC Asset ไม่ได้มาทีหลัง แต่มาตั้งแต่จุดกำเนิดโครงการ-การวางผังบ้านทุกหลังถูกวางบนทิศเหนือ-ใต้ เป็นหลัก เพื่อหลบแดดตะวันตกที่ร้อนจัดในช่วงบ่าย ห้องน้ำและห้องครัวซึ่งเป็นฟังก์ชัน "บริการ" จะถูกจัดให้อยู่ด้านที่ร้อนที่สุด เพื่อให้ห้องที่ใช้อยู่จริงได้รับความเย็นมากกว่า นี่คือการผสาน Passive Design อย่างมีชั้นเชิง

เมื่อ Passive Design ถูกใช้เป็นแกนหลัก SC Asset จึงเติม Active Design เฉพาะจุด เช่น ระบบปรับอากาศที่มีแผ่นกรอง PM2.5 แบบฝังฝ้า หรือระบบจัดการคุณภาพอากาศภายในบ้านที่ควบคุมผ่านแอปได้จุดมุ่งหมายไม่ใช่ความหรู แต่เพื่อ "ความอยู่ดี" ที่จับต้องได้จริง

ถอดรหัส 'Green DNA' SC Asset 'บ้านเขียว–อยู่ดี' เบื้องหลังงานดีไซน์แห่งอนาคต

สเปซที่ออกแบบจากความเข้าใจชีวิตจริง

บ้านในยุคนี้ไม่ได้ขายขนาดพื้นที่ แต่ขาย "ความยืดหยุ่น" SC Asset จึงออกแบบสเปซที่ปรับเปลี่ยนได้ ตั้งแต่ Family Area ที่เชื่อมต่อ Living Room ไปจนถึงห้องอเนกประสงค์ที่พร้อมเป็น Home Office หรือ Elderly Room ได้ทันที

สิ่งเหล่านี้เกิดจาก "Customer Insight" ที่ทีมดีไซน์ลงไปคลุกกับพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยจริง ไม่ใช่แค่ถามว่า "อยากได้อะไร" แต่ต้องรู้ว่า "อะไรจะช่วยความสัมพันธ์ในบ้านให้ดีขึ้น" เพราะบ้านคือ Ecosystem ของครอบครัว ไม่ใช่เพียงอสังหาริมทรัพย์บนแปลงที่ดิน

Green Material เมื่อความยั่งยืนไม่ใช่ของแพงอีกต่อไป

คำถามที่หลายคนสงสัยคือ บ้านกรีน…จะทำให้ราคาสูงขึ้นหรือไม่? คำตอบของ SC Asset คือ การออกแบบให้เขียว โดยไม่ผลักภาระต้นทุนไปให้ลูกค้า โจทย์นี้นำไปสู่การทำงานแบบ Lean ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น โดยไม่ลดคุณภาพ ความปลอดภัย หรืออายุการใช้งานของบ้าน

"ต้องยอมรับว่าการทำเรื่องกรีน ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น แต่เราทำเพราะต้องการให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นเป็นเป้าหมาย โดยไม่ขึ้นราคาบ้าน เป็นโจทย์จากทางผู้บริหารว่าต้องเขียวและยังขายได้อยู่"

เช่น ใช้วัสดุไม้โทนอ่อน เพื่อสร้างความอบอุ่นโดยไม่เพิ่มต้นทุน ปรับดีไซน์ให้โมดูลาร์มากขึ้น ลดเศษวัสดุก่อสร้าง ใช้ประตู-หน้าต่างแบบเดียวกัน ในหลายแบบบ้านเพื่อลดการผลิตที่สิ้นเปลือง เพิ่มช่องเปิดรับลมและแสง โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์แพง บางแบบบ้านมีระบบ Active Air Quality และการกรองฝุ่นละเอียด

ทั้งหมดนี้ทำให้บ้าน "เขียวกว่าเดิม" ในต้นทุนที่ใกล้เคียงเดิม

ถอดรหัส 'Green DNA' SC Asset 'บ้านเขียว–อยู่ดี' เบื้องหลังงานดีไซน์แห่งอนาคต

สี Low VOC รายละเอียดเล็กที่เปลี่ยนคุณภาพชีวิตทั้งบ้าน

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือเรื่อง "สี" SC Asset ร่วมพัฒนาสีสูตรพิเศษกับ TOA เพื่อให้ได้สี Low VOC ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ทนแดดเมืองไทย และลดปัญหาสีซีดหรือดรอป สีสูตรนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% เมื่อเทียบกับสูตรทั่วไป แม้เป็นรายละเอียดที่มองไม่เห็นแต่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ

SCero Mission ยุทธศาสตร์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

อีกคนสำคัญที่ขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืนคือ ภูธร ชำนาญกุล SCero Mission Ambassador และฝ่ายจัดซื้อ ผู้ทำหน้าที่สื่อสารนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม และทำงานร่วมกับคู่ค้าทั้งเล็กและใหญ่ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไปด้วยกัน SC Asset ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบ Total Supply Chain ผ่าน Green Procurement Policy

นั่นหมายความว่า วัสดุที่ใช้สร้างบ้าน ตั้งแต่เสาเข็ม-เหล็ก-ท่อ-สี-อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องมีคุณสมบัติความยั่งยืนระดับที่กำหนด เช่น มีส่วนผสมรีไซเคิล ได้ฉลากประหยัดพลังงาน ผ่านมาตรฐานโรงงานสีเขียว มีฉลากคาร์บอนลดการปล่อยใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน นี่ไม่ใช่แค่กฎ…แต่เป็น "วัฒนธรรมองค์กร"

"เราร่วมกับคู่ค้าพัฒนาสินค้า Green ที่แข่งขันเรื่องราคาได้ สามารถบาลานซ์ต้นทุนกับความเขียวได้"

Cut and Bend / Cut to Length นวัตกรรมที่ช่วยทั้งโลกและชุมชน

สิ่งที่หลายคนไม่รู้ คือ SC Asset ร่วมกับคู่ค้าวัสดุพัฒนาเทคนิคใหม่เพื่อ "ลด Waste ในไซต์งาน" เช่น Cut and Bend: เหล็กดัดสำเร็จรูปจากโรงงาน ไม่ต้องมาตัดต่อหน้างาน ลดเศษเหล็กและเสียงรบกวนชุมชน Cut to Length: ท่อสำเร็จรูปที่ผลิตตามความยาวจริงของแต่ละชั้นในอาคารสูง ลดวัสดุเหลือทิ้งอย่างมหาศาล ผลลัพธ์คือ งานเสร็จเร็วขึ้น หน้างานสะอาดขึ้น ชุมชนรอบโครงการเดือดร้อนน้อยลง โลกได้ลดการใช้ทรัพยากรโดยไม่จำเป็น

Green ไม่ใช่เทรนด์…แต่คือ "มาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัย" SC Asset ตอบโจทย์ทั้งมิติ ดีไซน์ ฟังก์ชัน ความเขียว ต้นทุน และความสุขของผู้อยู่อาศัย

"ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างหนึ่งบนบริบทที่ว่า เขียวขายได้ โดยสร้างสมดุลต้นทุนสินค้ากับความเขียว"

ทั้งหมดไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผนที่เริ่มต้นตั้งแต่คำถามง่ายๆ ว่า "บ้านยุคต่อไปควรเป็นอย่างไร เพื่อให้คนอยู่ดีขึ้น และโลกไม่แย่ลงกว่าเดิม?"

เมื่อคำตอบชัด การออกแบบ สเปซ วัสดุ และนโยบายจึงถูกออกแบบให้ตอบโจทย์นั้นทุกมิติและนี่คือเหตุผลที่ SC Asset ไม่ได้มอง Green เป็น "ค่าใช้จ่ายเพิ่ม" แต่เป็น "คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" ของคนอยู่อาศัย และเป็นภารกิจร่วมกันของทั้งอุตสาหกรรม

เริ่มแก้โลกร้อนจากบ้านที่เราอยู่ทุกวัน ภาวะอากาศแปรปรวน น้ำท่วม ฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไปเมื่อโลกเปลี่ยนเร็วกว่าที่คาด บ้านจึงต้องปรับตัวเร็วยิ่งกว่า SC Asset แสดงให้เห็นว่าการออกแบบเพื่อความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องแพง หรือทำให้บ้านจับต้องยากขึ้นสิ่งสำคัญคือ "ตั้งใจ" และ "ลงมือทำอย่างเป็นระบบ" ตั้งแต่วัสดุชิ้นเล็กไปจนถึงระบบนิเวศของคู่ค้าและเมื่อบ้านหนึ่งหลังดีขึ้น โลกหนึ่งใบก็ขยับดีขึ้นตามไปด้วย