ท่องเที่ยวแนวใหม่ “พลิกโฉมประเทศ”

ท่องเที่ยวแนวใหม่ “พลิกโฉมประเทศ”

เปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 1 พ.ย. 64 เป็นโอกาสที่จะ “พลิกโฉมประเทศไทย ผู้ประกอบการต้องปรับตัว นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ จะตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ส่วนใหญ่ใช้งานออนไลน์เป็นหลัก เปลี่ยนโมเดลใหม่ ไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง น่าจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี

 

เมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีนโยบายที่จะให้การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่1 พ.ย.2564 เป็นโอกาสที่จะ “พลิกโฉมประเทศไทย” ยกระดับภารกิจที่ดูแลด้วยแนวทางใหม่ๆ จึงเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันผลักดันให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเข้าสู่วิถีใหม่ในทุกมิติ

นโยบายดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ออกมาขานรับด้วยการเปิดตัวแนวคิดการท่องเที่ยวไทยปี2565 ภายใต้ธีม “พลิกโฉมการท่องเที่ยวใหม่” หรือ Amazing Thailand, Amazing New Chapters โดยจะตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว ด้วยเรื่องราวที่มหัศจรรย์กว่าเดิม และมากกว่าที่เคยสัมผัส ททท.จะส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีใหม่ (new normal) เน้นการดูแลสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยททท. จะเริ่มโปรโมทการท่องเที่ยวไทยตามแนวคิดดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเวลานี้จนต่อเนื่องถึงปี 2565

 

การเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. นับเป็นหมุดหมายของการเริ่มพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะเป็นสารตั้งต้นอย่างดีของเศรษฐกิจไทย การที่เราจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 63 ประเทศแบบไม่กักตัว ในจังหวะที่เหมาะสมและสอดคล้องกับฤดูท่องเที่ยว นั่นคือช่วงปลายปี 2 เดือนสุดท้ายต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้า จึงมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จทั้งการดึงดูดต่างชาติและคนไทยเองก็มีความต้องการเดินทาง เชื่อว่ารายได้ภาคการท่องเที่ยวที่หายไปในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 เกือบ 2 ปี จะทยอยกลับมา

ข้อมูล Airbnb ล่าสุดพบว่า ยอดค้นหาที่พักในประเทศไทยโดยนักเดินทางต่างประเทศที่จะเข้ามาในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เฉพาะ เดือนต.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกค้นหาเพิ่มขึ้นชัดเจนจากชาวเยอรมนี เกาหลี ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์ ตามลำดับ เป้าหมายการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทั้งบรรยากาศเมืองหลวง หาดทรายและขุนเขา นักเดินทางได้เลือกเสิร์ชหาที่พักด้วยคำว่า วิลล่า (villa) มาเป็นอันดับแรก ส่วนเป้าหมายเริ่มจากภูเก็ต ตามมาด้วยกรุงเทพฯ สมุย พัทยา และเชียงใหม่ ที่น่าสนใจคือจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพ แนวโน้มติดเทรนด์มาด้วย

เราเห็นว่าผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจำเป็นต้องปรับตัว เนื่องจากธุรกิจการท่องเที่ยวหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิม มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมาก การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการให้บริการ จึงน่าจะตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ส่วนใหญ่ใช้งานออนไลน์เป็นหลัก การปรับเปลี่ยนโมเดลใหม่ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายจากเชิงปริมาณเป็นเชิงคุณภาพ ไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง เน้นตลาดที่หลากหลายมากขึ้น น่าจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก