รัฐบาลเล็งออกแพ็คเกจช่วยประคองธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ หลังสถานการณ์ไทย-กัมพูชายืดเยื้อ

ครม.เศรษฐกิจรอประเมินผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา รอบล่าสุด หลังหารือเอกชนรอบแรก ส่งข้อเสนอ แก้ปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 5 ด้าน หลังผลกระทบรอบด้านจากการทำธุรกิจในกัมพูชา ทั้งการยกเลิกคำสั่งซื้อ ยกเลิกสัญญาธุรกิจ สูญเสียส่วนแบ่งในตลาดระยะยาว สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำมาตรการครอบคลุมตั้งแต่การให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านซอฟต์โลน
KEY
POINTS
- ครม.เศรษฐกิจเกาะติดผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา
- หลังหารือเอกชนรอบแรก มีข้อเสนอ แก้ปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 5 ด้าน
- เอกชนเผยผลกระทบรอบด้าน ทั้งการยกเลิกคำสั่งซื้อ ยกเลิกสัญญาธุรกิจ สูญเสียส่วนแบ่งตลาดระยะยาว
- สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำมาตรการครอบคลุมตั้งแต่การให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านซอฟต์โลน ชะลอการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ใน 7 จังหวัดชายแดน ช่วยเหลือค่าขนส่ง การช่วยเหลือด้านการตลาด การแก้ปัญหาความขัดแย้งผ่านกลไก JTC
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้มีการหารือเรื่องผลกระทบจากทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีการยกระดับสถานการณ์มากขึ้นในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในส่วนของมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมหลังจากมีการหารือกับตัวแทนภาคเอกชนแล้วนั้น ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจได้ขอให้มีการนำกลับไปทบทวนและปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยกระดับความรุนแรงมากขึ้น
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมผลการดำเนินการและจัดทำมาตรการเพิ่มเติมตามความเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบที่ผู้ประกอบการไทยได้รับจากสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการดังกล่าวให้ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจรับทราบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบตามลำดับต่อไป
ทั้งนี้ในส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อภาคเอกชนไทยในกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานว่าภาคเอกชนนั้น ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ ได้ประเมินข้อมูลเชิงลึกจากสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นจากภาคเอกชนไทยในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยมีผู้แทนจากสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา สมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชา หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนหอการค้าประจำ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
รวมถึงผู้แทนภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้ง การเงินและการธนาคาร เกษตร และปศุสัตว์ พลังงาน ก่อสร้าง กิจการค้าปลีกค้าส่ง สายการบิน บริการ ท่องเที่ยว โรงพยาบาล ขนส่งและโลจิสติกส์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) และหน่วยงานภาครัฐ ทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ได้มีการสรุปปัญหาในส่วนที่เกิดผลกระทบหลายด้านดังนี้
เปิดผลกระทบธุรกิจไทยจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
1.การปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทย - กัมพูชา ได้ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนไทยในกัมพูชาและห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญในภูมิภาค จึงต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งสินค้าจากทางบกเป็นทางเรือ ซึ่งได้เพิ่มต้นทุนและเวลาในการขนส่ง รวมถึงลดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย ส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์มีรายได้ลดลง และธุรกิจวัสดุก่อสร้างเผชิญปัญหา เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบและต้องนำเข้าวัตถุดิบจากเวียดนามแทน
2.มาตรการของรัฐบาลกัมพูชาที่ห้ามผัก ผลไม้ และน้ำมันจากไทย และการรณรงค์ต่อต้านสินค้าไทยได้สร้างแรงกดดันให้แก่ภาคเอกชนไทยในกัมพูชา ส่งผลให้จำนวนลูกค้า และรายได้ลดลง รวมถึงการชะลอหรือยกเลิกคำสั่งซื้อ รวมถึงยุติสัญญาธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจบริการ
3.ภาคเอกชนไทยในกัมพูชาได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยเปลี่ยนชื่อและตราสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตี ในขณะเดียวกันนักลงทุนไทยจำนวนมากได้ชะลอแผนการลงทุนใหม่หรือย้ายการลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้สินค้าและบริการจากประเทศอื่นเข้ามาแทนที่สินค้าไทยมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคในกัมพูชาถูกปรับเปลี่ยนไปและทำให้สินค้าไทยสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดในระยะยาว
เอกชนชง 5 ข้อเสนอ
ทั้งนี้ภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะในการแก้ไขและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 5 ข้อได้แก่
1.การให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน โดยเสนอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน เช่น การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) การเพิ่มวงเงินสินสินเชื่อระยะสั้น การลดภาษีท้องถิ่นและภาษีที่ดิน ภาษีป้าย การลดอัตราการจ่ายเงินสมทบประกันสังคม การจ่ายเงินชดเชยผู้ว่างงาน การชะลอการเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (400 บาทต่อวัน) ใน 7 จังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือค่าขนส่งเพื่อบรรเทาภาระให้แก่ผู้ประกอบการ การสนับสนุนการพัฒนาทักษะแรงงาน (อัพสกิล & รีสกิล) และการสนับสนุนค่าสาธารณูปโภคให้ผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อช่วยประคับประคองธุรกิจ และการจ้างงานต่อไปได้จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ
2.ความช่วยเหลือด้านการตลาด เสนอให้ภาครัฐพิจารณาแก้ไขผลกระทบจากกระแสสังคมเชิงลบที่เกิดขึ้นในกัมพูชาผ่านกระบวนการและกลไกทางการทูต และการสื่อสารเชิงบวก เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์และสร้างบรรยากาศความเข้าใจระหว่างประชาชน เพื่อเรียกคืนความนิยมของสินค้าไทยในกัมพูชาต่อไปในระยะยาว
3.การอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์การขนส่งสินค้า เสนอให้ภาครัฐพิจารณาเปิดจุดผ่านแดนทางบกบางจุดให้มีการนำเข้าสินค้าจำเป็นเป็นกรณีพิพิเศษ พร้อมวางมาตรการตรวจสอบและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการด้านโลจิสจิสติกส์
4.การให้ข้อมูลและความรู้ โดยขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทราบถึงสถานการณ์ความปลอดภัยในพื้นที่ที่ไม่ได้มีการสู้รบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคการท่องเที่ยว
และ 5.การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาให้กลไกคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) หรือกลไกอื่นๆเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและสร้างบรรยากาศความร่วมมือเชิงบวก และเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเพื่อให้ความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชากลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ตลอดจนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ในระดับประชาชนต่อไป







