‘ครม.รับข้อเสนอ แบงก์ชาติ -สศช. ทำฐานข้อมูลหนี้ครัวเรือน หนุนตั้ง AMC

‘ครม.รับข้อเสนอ แบงก์ชาติ -สศช.  ทำฐานข้อมูลหนี้ครัวเรือน หนุนตั้ง AMC

ครม.รับข้อเสนอ แบงก์ชาติ-สภาพัฒน์ โครงการ 'ปิดหนี้ไวไปได้ต่อ' จี้ทำฐานข้อมูลหนี้ครัวเรือนครอบคลุมทั้งแบงก์รัฐ แบงก์พาณิชย์ และนอนแบงก์ ประเมินความคุ้มค่าก่อนทำนโยบาย หวังหนุน AMC

KEY

POINTS

  • ครม.รับข้อเสนอ แบงก์ชาติ-สภาพัฒน์ โครงการ 'ปิดหนี้ไวไปได้ต่อ' จี้ทำฐานข้อมูลหนี้ครัวเรือน
  • โดยมาตาการที่ออกมาจะครอบคลุมทั้งแบงก์รัฐ แบงก์พาณิชย์ และนอนแบงก์
  • พร้อมเสนอให้มีการประเมินความคุ้มค่าก่อนทำนโยบาย
  • หวังหนุน AMC หลังผุดโครงการซื้อหนี้เสียไม่เกิน รายละ 100,000 บาท รวม 2.36 ล้านบัญชี 

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมีมติรับทราบหลักการและแนวทางการดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) หรือ โครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ พร้อมทั้งมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ให้เห็นผลโดยเร็วและร่วมกันดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป


อย่างไรก็ตามสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ทำความเห็นเสนอต่อครม.ว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวบรรลุเป้าหมายตามเจตนารมณ์ กระทรวงการคลังควรประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจถึงผลประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ เช่น การยกเว้นดอกเบี้ยหากลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน การชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดบัญชี (Haircut) และการปรับปรุงประวัติเครดิตหากสามารถชำระหนี้ตามเงื่อนไขภายใต้มาตรการได้สำเร็จ เพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการ

ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามที่กระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยสนับสนุนให้โครงการนี้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิ และสามารถแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องของภาคครัวเรือนได้ จึงเห็นควรมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวควบคู่ไปพร้อมกับการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการยกระดับฐานข้อมูลหนี้สินครัวเรือนให้ครอบคลุมผู้ให้บริการทางการเงินทุกประเภท รวมถึงสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) และสหกรณ์ออมทรัพย์


ทั้งนี้เพื่อให้มีฐานข้อมูลครบถ้วนสำหรับใช้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ควบคู่กับการวิเคราะห์ศักยภาพและประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ เพื่อสนับสนุนให้การปล่อยสินเชื่อใหม่หลังสิ้นสุดโครงการดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามศักยภาพของลูกหนี้อย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน สศช.เสนอว่าควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการให้สินเชื่อของธนาคารออมสิน ร่วมกับ ARI-AMC หรือ AMC ที่ได้รับมอบหมาย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐ (Public Service Account: PSA) ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้การกำกับดูแลมีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ และควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน และรายงานต่อครม. หลังสิ้นสุดโครงการ รวมทั้งมีโอกาสกลับมาเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้น 

ทั้งในด้านการช่วยลดภาระหนี้ของครัวเรือน ผลลัพธ์ด้านการฟื้นฟูศักยภาพทางการเงินของลูกหนี้ และความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรของภาครัฐ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะต่อไป
ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเห็นประกอบว่า เห็นด้วยกับโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้เสียไม่สูงให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น และมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ธปท. ไม่ขัดข้องต่อการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่จะจัดทำมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นการเฉพาะกิจของแต่ละแห่ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสอดคล้องกับสถานะของลูกหนี้ SFIs ที่เปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ 
รวมทั้งเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งนอกจากจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่ครอบคลุม และเอื้อต่อการนำไปใช้ในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตแล้ว ยังต้องมีการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการยกระดับรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการควบคู่ไปด้วย


ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันสื่อสารรายละเอียดโครงการอย่างชัดเจนและทั่วถึง เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการทราบถึงประโยชน์ กรอบเวลา และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการอย่างครบถ้วนและชัดเจน รวมทั้งควรติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาทบทวนการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายต่อไป

รายละเอียดโครงการปิดหนี้ไวไปได้ต่อ

สำหรับโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ที่เสนอเข้ามาให้ครม.เห็นชอบในครั้งนี้มีสาระสำคัญเป็นการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ โดยการรับซื้อหนี้เสียของลูกหนี้รายย่อยผ่านกลไกของ AMC และกำหนดให้ AMC ช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้

 มีเป้าหมายลูกหนี้ที่คาดว่าจะเข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือจากโครงการ และการให้ความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ประมาณ 2.36 ล้านบัญชี  คิดเป็นภาระหนี้ประมาณ 62,400 ล้านบาท 
ส่วนคุณสมบัติต้องเป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่มีสถานะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เป็นหนี้ที่มีการค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาเกินกว่า 90 วันนับแต่วันครบกำหนดชำระ และมีภาระหนี้ NPLs รวมทุกประเภทสินเชื่อกับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย 
โดยประเภทสินเชื่อที่รับซื้อ คือ สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) สินเชื่อบัตรเครดิต เป็นต้น และสินเชื่อที่เคยมีหลักประกันมีการบังคับหลักประกันแล้วหรือไม่สามารถติดตามทรัพย์ได้

และยังคงเหลือภาระหนี้คงค้างที่สามารถเรียกร้องได้ตามกฎหมายจากธนาคารพาณิชย์ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ส่วนรูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไขของโครงการ แบ่งเป็น

1. กรณีลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ทางธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่ได้รับมอบหมาย ตามราคากลางและวิธีการบริหารจัดการหนี้ ที่ตกลงร่วมกัน 


จากนั้น SAM หรือ AMC จะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้หลังรับซื้อหนี้โดยการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้ตามแนวทางที่ ธปท. กำหนด ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่

(1) การจ่ายชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดบัญชีจบหนี้

และ (2) การผ่อนชำระหนี้ เป็นงวด ระยะเวลาสูงสุด 3 ปี โดยภาระดอกเบี้ยในระหว่างเข้าร่วมมาตรการจะถูกพักไว้

โดยหากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขจะยกเว้นดอกเบี้ยทั้งจำนวน ส่วนการบริหารจัดการหนี้ภายหลังปีที่ 3 เป็นต้นไปจะพิจารณาให้สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ต่อไป


2.กรณีลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จะขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) หรือ AMC ที่ได้รับมอบหมาย ตามราคากลางและวิธีการบริหารจัดการหนี้ที่ตกลงร่วมกัน จากนั้น Ari-AMC หรือ AMC จะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้หลังรับซื้อหนี้ โดยการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้ตามแนวทางที่ ธปท. กำหนดเช่นเดียวกับ เพื่อให้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สอดคล้องกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์


พร้อมกันนี้ยังกำหนดแนวทางจูงใจให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้และรักษาวินัยในการชำระหนี้ควบคู่ไปด้วย โดยกำหนดแนวทางให้มีการรายงานประวัติการชำระหนี้ ของลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการฯ แก่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาให้สินเชื่อเพิ่มเติมของสถาบันการเงินเพื่อให้ลูกหนี้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองหรือมีแหล่งเงินทุนในการประกอบธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่การขอสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค 


โดยในการพิจารณาให้สินเชื่อเพิ่มเติมดังกล่าว ให้สถาบันการเงินพิจารณารายได้ของลูกหนี้ โดยใช้รายได้ที่แสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้ และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เป็นสำคัญ


นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยจะมีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นมาตรการเฉพาะกิจของแต่ละธนาคาร เพื่อบริหารจัดการหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้ ซึ่งเปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ เช่น มาตรการปิดบัญชีลดเงินต้นยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด

มาตรการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ที่ผ่อนปรนมากกว่าเกณฑ์ปกติของธนาคาร การปิดบัญชีและตัดเป็นหนี้สูญสำหรับลูกหนี้ขาดศักยภาพ เป็นต้น


อย่างไรก็ตามในส่วนของลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) และเจ้าหนี้กลุ่มอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากลูกหนี้ข้างต้น จะได้รับการพิจารณาช่วยเหลือในลักษณะเดียวกับโครงการในระยะถัดไป เพื่อให้การช่วยเหลือโดยยึดแกนลูกหนี้เป็นศูนย์กลาง (Debtor Centric)