'พิพัฒน์' สั่งทบทวนใช้อุโมงค์เกษตรเป็นทางด่วน ลั่นต้องไม่เก็บเงิน

“พิพัฒน์” สั่งการทางพิเศษฯ ทบทวนแนวทางใช้อุโมงค์เกษตรเป็นทางด่วน จี้ศึกษาเส้นทางใหม่ หรือใช้อุโมงค์แบบไม่เก็บค่าผ่านทาง ระบุเตรียมหารือร่วมกับ ม.เกษตร เพื่อหาทางออกร่วมกัน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มีมติให้ศึกษาแนวทางการเชื่อมต่อโครงข่ายถนนในแนวฝั่งตะวันออก - ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน - ถนนประเสริฐมนูกิจ) โดยจะมีการนำอุโมงค์แยกเกษตรเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายทางพิเศษ โดยระบุว่า ที่ประชุม คจร.เป็นเพียงการอนุมัติหลักการให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ไปดำเนินการศึกษาความเหมาะสม ยังไม่ได้มีการอนุมัติให้ก่อสร้าง หรือจะจัดเก็บค่าผ่านทาง
อย่างไรก็ดี วันนี้ (9 ธ.ค.) ตนได้มีการหารือกับผู้ว่า กทพ. โดยสั่งการให้ศึกษาแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากปัจจุบันมีเสียงคัดค้านจากประชาชน ดังนั้นมอบหมายให้ กทพ.ศึกษาปรับแนวเส้นทางใหม่ แต่หากมีความจำเป็นต้องพัฒนาในแนวเส้นทางนี้ ก็จะต้องไม่มีการจัดเก็บค่าผ่านทางบริเวณแยกเกษตร เนื่องจากอุโมงค์แยกเกษตรเป็นส่วนที่ประชาชนสัญจรตามปกติอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยืนยันว่าประเด็นค่าผ่านทาง 30 บาท ไม่เคยถูกพูดถึงและไม่เคยมีมติจาก คจร. ที่ประชุมเพียงอนุมัติหลักการให้ไปศึกษาการเชื่อมต่อโครงข่ายเท่านั้น ยังไม่มีการเลือกแบบการก่อสร้าง หรือเห็นชอบข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น โดยได้มอบหมายให้ กทพ. ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ทำการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่ง กทพ. ได้ขอเวลาในการศึกษาความเหมาะสมประมาณ 3 ปี
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตนมองว่าการก่อสร้างทางด่วน โครงสร้างแบบยกระดับเป็นแนวทางที่เป็นไปได้ที่สุด ทั้งในด้านงบประมาณและความสามารถในการแก้ปัญหาการจราจร ส่วนประเด็นเรื่องเสียงและมลพิษก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า
ส่วนแนวทางก่อสร้างแบบอุโมงค์ทำให้งบประมาณของโครงการพุ่งจาก 17,000 ล้านบาท ไปเป็นกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์งบประมาณของประเทศ และยังอาจทำให้ค่าผ่านทางต้องสูงถึง 200 บาท เพื่อให้โครงการมีความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งถือว่าเป็นภาระเกินจำเป็น
“การคัดค้านโครงสร้างแบบยกระดับของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจมีทิฐิอยู่เบื้องหลัง เพราะมหาวิทยาลัยกลับยอมให้ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ซึ่งเป็นโครงสร้างยกระดับเช่นเดียวกันผ่านพื้นที่ได้ แต่กลับไม่ยอมรับโครงสร้างทางด่วนที่จะอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกัน ซึ่งเรื่องนี้ผมพร้อมจะเจรจาด้วยตนเอง ไปคุกเข่าคุยกับอธิการบดีของ ม.เกษตร ว่าช่วยเหลือเถอะ”







