'พิพัฒน์' แจงเหตุเลื่อนชง ครม. เคาะหลักการ 'ตั๋วร่วม' ยันเสนอสัปดาห์หน้า

'พิพัฒน์' แจงเหตุเลื่อนชง ครม. เคาะหลักการ 'ตั๋วร่วม' ยันเสนอสัปดาห์หน้า

“พิพัฒน์” แจงเลื่อนชง ครม.เคาะหลักการ “ตั๋วร่วม” เหตุจัดทำข้อมูลให้ครบถ้วน เตรียมเสนอสัปดาห์หน้า ดัน รฟม. คุมเบ็ดเสร็จ - คลอดโมเดลซื้อคืนสัมปทาน ไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลักการรวมโครงข่ายรถไฟฟ้าภายใต้เจ้าของเดียว (Single Ownership) วันนี้ (9 ธ.ค.) ยังไม่ได้มีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างทำข้อมูลให้สมบูรณ์ ยังมีประเด็นทางเทคนิคและข้อเสนอแนะที่ต้องปรับแก้ให้เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณาหลักการในสัปดาห์หน้า โดยหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ คือการลดค่าครองชีพประชาชน พร้อมหาโมเดลทางการเงินที่ไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศ

อย่างไรก็ดี การดำเนินการโครงการบัตรโดยสารร่วมมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่คนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยการใช้ “บัตรใบเดียวขึ้นได้ทุกสี” ส่วนของอัตราค่าโดยสารร่วมที่จะมีการพิจารณาว่าจะเป็น 40 บาท หรือ 50 บาทนั้น ปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นกำหนดตัวเลขสุดท้าย เนื่องจากยังต้องให้มีการศึกษาที่รอบด้านต่อไป

“ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อย ยังติดอยู่ที่ปลัด ยังไม่ได้เสนอมาที่ผม ก็เลยยังไม่ได้นำเข้า ครม. เพราะว่ามีการเสนอความเห็นขึ้นมาของกรมการขนส่งทางราง ซึ่งเสนอขึ้นมาแล้วก็ต้องไปที่ท่านปลัด ก็เห็นว่ามีติดขัดอะไร หรือผิดพลาดอะไรนิดหน่อย ก็คาดว่าจะนำเข้าเสนอต่อไปในสัปดาห์หน้า หากว่าแก้ไขมาเรียบร้อย”

นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เป็นสาระสำคัญและเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดในการผลักดันตั๋วร่วมให้เกิดผลสำเร็จคือ การรวมกิจการกลับมาเป็นของรัฐแบบ Single Ownership โดยมอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้บริหารจัดการโครงการทั้งหมด ซึ่งการจะกลับมาเป็นของ รฟม. ก็ต้องไปหาวิธีการ โดยจะต้องหารือกับกระทรวงการคลัง

สำหรับการศึกษาวิธีรวมกิจการกลับมาเป็นของรัฐแบบ Single Ownership ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วม โดยมีกระทรวงการคลังเป็นแม่งานหลัก เพื่อไปหาแนวทางในการซื้อกิจการสัมปทาน เหล่านี้กลับมาเป็นของรัฐโดยเฉพาะโจทย์สำคัญคือ “ไม่กระทบหนี้สาธารณะ” ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ระหว่างการหารือ และจะส่งข้อสรุปกลับมายังกระทรวงคมนาคมต่อไป

ในส่วนของผลตอบรับจากมาตรการลดค่าโดยสารให้เหลือ 20 บาท สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วง ซึ่งมีการลดราคาลงมาอย่างมาก จากอัตราเดิม 42 บาท ยอมรับว่าการตอบรับดีขึ้นเพียงเล็กน้อยมาก และไม่ถือเป็นนัยสำคัญ โดยมีการเติบโตประมาณ 1% เพราะว่าน่าจะเต็มขีดความสามารถของผู้ที่โดยสารในรถไฟฟ้า 2 เส้นทางแล้ว