ธอส. เผยยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 68 โตสวนตลาดอสังหาฯ หดตัว

ธอส. เผยยอดปล่อยสินเชื่อใหม่โตสวนตลาดอสังหาฯ หดตัว ระบุมาตรการแก้หนี้-ปรับโครงสร้างได้ผล ช่วยลูกค้า NPL และกลุ่มเปราะบางรักษาบ้านได้กว่า 5.9 แสนบัญชี
นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ในฐานะประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้เร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 ธนาคารได้รับเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 241,780 ล้านบาท ควบคู่กับการดำเนินมาตรการเร่งด่วน (Quick Big Win) ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และกลุ่มหนี้เสีย (NPL) เพื่อรักษาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ธนาคารสามารถบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อให้เติบโตสวนทางกับภาวะตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญจากข้อมูลศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า ภาพรวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั้งระบบในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 หดตัวลงถึง 6.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ในทางกลับกัน ธอส. สามารถขยายยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เพิ่มขึ้นถึง 15.6%
ส่งผลให้ล่าสุด ธอส. ครองส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) สินเชื่อที่อยู่อาศัยสูงถึง 43.7% ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปี สะท้อนให้เห็นว่าในภาวะที่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ธอส. ได้เข้ามาทำหน้าที่แบกรับและสนับสนุนความต้องการสินเชื่อของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มฐานราก
สำหรับผลดำเนินงานปี 2568 ณ วันที่ 30 พ.ย.68 ธอส. ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว 215,130 ล้านบาท คิดเป็น 89% ของเป้าหมายที่วางไว้ โดยพบว่าสินเชื่อกลุ่มวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท มีการขยายตัวโดดเด่นถึง 17.9% ขณะที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะคุมไว้ที่ 5.1% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.2-5.3% โดยยอดปล่อยสินเชื่อสะสม 2 ปี อยู่ที่ 392,000 บัญชี คิดเป็นวงเงินกว่า 460,000 ล้านบาท
ในด้านการบริหารคุณภาพหนี้และช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ธอส. ได้ดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ พักชำระดอกเบี้ย และลดเงินงวดผ่อนชำระอย่างเข้มข้น ผลจากการดำเนินงานสามารถช่วยให้ลูกค้ากลับมามีสถานะปกติและรักษาบ้านไว้ได้ถึง 590,000 บัญชี
นอกจากนี้ ยังได้นำฐานข้อมูล (Data Analytics) มาวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ผ่านโครงการ “โรงเรียนการเงิน” และแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN เพื่อช่วยกลุ่มอาชีพอิสระที่ไม่มีเอกสารรายได้ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ โดยปัจจุบันมีลูกค้าได้รับสินเชื่อผ่านช่องทางนี้แล้วกว่า 50,000 ราย
นายกมลภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า ธนาคารยังได้วางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี (IT Infrastructure) เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ทั้งการยกระดับระบบ Core Banking, การนำ AI มาใช้ในระบบประเมินราคาที่ดิน (Digital Appraisal) ครอบคลุม 24 จังหวัดหลัก และระบบตรวจจับการทุจริตแบบ Near Real Time เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุมัติสินเชื่อให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นธนาคารที่ยั่งยืน (Sustainable Banking) เต็มรูปแบบ
“ธอส. มีการเตรียมระบบ Core Banking รวมถึงระบบดิจิทัลในการประเมินราคาที่ดินให้มีความพร้อมที่จะแข่งขันกับธนาคารรูปแบบใหม่หรือ Virtual Bank ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต“







