สศช. รับข้อเสนอแนะ OECD วางกรอบยุทธศาสตร์ เดินหน้าแผนพัฒนาฯ ฉบับ 14

สศช. รับข้อเสนอแนะ OECD วางกรอบยุทธศาสตร์ เดินหน้าแผนพัฒนาฯ ฉบับ 14

สศช. รับข้อเสนอแนะของ OECDกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2571-2575) วางกรอบยุทธศาสตร์หลัก 5 ประการ เดินหน้าแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และปูทางสู่การเป็นสมาชิก OECD และประเทศรายได้สูงในอนาคต

KEY

POINTS

  • สศช. นำข้อเสนอแนะของ OECD มาใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2571-2575)
  • กรอบยุทธศาสตร์หลัก 5 ประการถูกกำหนดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจ ครอบคลุมด้านการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ, กฎหมาย, ทุนมนุษย์, สิ่งแวดล้อม และนวัตกรรม
  • การดำเนินการตามแผนฯ มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และปูทางสู่การเป็นสมาชิก OECD และประเทศรายได้สูงในอนาคต

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า การเผยแพร่รายงานของ OECD เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจาก สศช. กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการจัดทำ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2571-2575) ดังนั้น ข้อเสนอแนะจากรายงานฉบับนี้จะถูกใช้เป็น ข้อมูลสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในระยะปานกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาคอขวดเชิงโครงสร้าง เพิ่มผลิตภาพ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ทั้งนี้ สศช. ได้วางกรอบยุทธศาสตร์หลัก 5 ประการเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์ความท้าทายที่ OECD หยิบยกขึ้นมาอย่างตรงจุด ได้แก่

1.การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ มุ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล การผลิตขั้นสูง การท่องเที่ยว และบริการทางการแพทย์ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อโจทย์ใหญ่ในการเร่งเพิ่มผลิตภาพ ผ่านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน, การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน และการพัฒนาประสิทธิภาพของตลาด

2.การพัฒนากฎหมายและธรรมาภิบาล รัฐบาลมุ่งมั่นปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบเพื่อลดภาระที่ไม่จำเป็นและเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับข้อเสนอของ OECD ที่ต้องการเห็นสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการแข่งขันมากขึ้น ขณะเดียวกัน จะมีการเสริมสร้างความโปร่งใสและกลไกป้องกันการทุจริต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

3.การพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อการจัดการกับปัญหาแรงงานนอกระบบที่มีสัดส่วนสูงถึง 63% โดยตรง ผ่านการยกระดับคุณภาพการศึกษา การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการปฏิรูประบบคุ้มครองทางสังคมให้บูรณาการและตรงเป้าหมายมากขึ้น เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงและเข้าสู่ระบบการจ้างงานที่เป็นทางการ

4.การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงความเร่งด่วนของความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ โดยรัฐบาลได้มีความคืบหน้าสำคัญคือ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการยืนยันเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 เพื่อสร้างการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

5.การส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อแก้ปัญหาผลิตภาพที่ชะลอตัวลง ประเทศไทยจะเน้นการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นำเทคโนโลยีไปปรับใช้ และการพัฒนาระบบนิเวศด้านนวัตกรรมของประเทศให้แข็งแกร่ง เพื่อสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูง

“ยุทธศาสตร์ชาติเหล่านี้คือคำตอบของประเทศไทยต่อความท้าทายที่ OECD ได้ชี้ให้เห็น ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานนโยบายและปูทางสู่การเป็นสมาชิก OECD ในอนาคต”

นายดนุชา กล่าวต่อว่า  OECD และรัฐบาลไทยต่างมีวิสัยทัศน์ร่วมกันว่า การเป็นสมาชิกภาพไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับมาตรฐานนโยบายของไทยให้เทียบเท่าสากล แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศรายได้สูงตามที่ตั้งไว้