ไทยย้ำบนเวที WTO หนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กฎเกณฑ์ของ WTO

ไทยย้ำบนเวที WTO หนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กฎเกณฑ์ของ WTO

ไทยขึ้นเวที WTO ทบทวนนโยบายการค้า WTO ครั้งที่ 9 ย้ำไทยพัฒนาต่อเนื่องเอื้อการดำเนินธุรกิจ พร้อมจุดยืนหนุนระบบการค้าพหุภาคี

ดร. กิริฎา เภาพิจิตร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า  ได้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ในการประชุมทบทวนนโยบายการค้าของไทย (Trade Policy Review: TPR)
ครั้งที่ 9 ณ องค์การการค้าโลก (WTO) นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งการทบทวนนโยบายการค้าถือเป็นกลไกสำคัญของ WTO ที่มุ่งสร้างความโปร่งใส (Transparency) และความเชื่อมั่นต่อระบบการค้าพหุภาคีโลกที่มี WTO เป็นแกนกลาง โดยการทบทวนครั้งนี้ครอบคลุมนโยบายและมาตรการทางการค้าของไทยในช่วงปี พ.ศ. 2563 ถึง 2568

ดร. กิริฎา กล่าวว่า  ได้สรุปความเห็นของสมาชิก WTO ทั้ง 53 ประเทศที่อ้างอิงจากรายงานที่จัดทำโดยฝ่ายเลขาธิการ WTO  โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกและไทยเผชิญความผันผวนอย่างมากจากสถานการณ์โควิด-19 และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์

อย่างไรก็ดี สมาชิก WTO ชื่นชมที่เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินเศรษฐกิจแบบเปิดตามระบบการค้าพหุภาคี การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี และการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุน การปฏิบัติตามพันธกรณีของ WTO

รวมถึงบทบาทโดดเด่นของผู้แทนไทยในเวที WTO ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ไทยในฐานะสมาชิก WTO ที่มีบทบาทสำคัญในระบบการค้าโลก โดยไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศสูงถึง 137 % ของมูลค่า GDP และเป็นเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง (Open Economy)

อีกทั้งยังมีศักยภาพในการพัฒนาอีกมาก ในช่วง 5 ปีที่มีการทบทวนนโยบายการค้า พบว่าไทยเดินหน้าพัฒนานโยบายที่จะนำไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาการค้าดิจิทัลได้อย่างน่าพอใจและเติบโตเร็วกว่าตลาดโลก

ไทยย้ำบนเวที WTO หนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กฎเกณฑ์ของ WTO

ทั้งนี้ตนได้นำเสนอความคืบหน้าการพัฒนากฎระเบียบและสภาพแวดล้อมด้านการค้าของไทยใน 5 ปีที่ผ่านมาเพื่อเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุน อีกทั้งได้นำเสนอนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ที่จะเดินหน้าปฏิรูปด้านเศรษฐกิจการค้า และย้ำจุดยืนของไทยในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กฎเกณฑ์ของ WTO

รวมถึงการมีส่วนร่วมเชิงรุกและสร้างสรรค์ของไทยในประเด็นสำคัญหลักของ WTO เช่น การเจรจาเกษตร การอุดหนุนประมง พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการปฏิรูป WTO ให้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจโลก ย้ำท่าทีไทย “เรียนรู้–แบ่งปัน–ร่วมมือ” กับสมาชิก WTO เพื่อรับมือความท้าทายร่วมกัน

อย่างไรก็ดี สมาชิก WTO มีข้อกังวลและข้อซักถามในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ระบบภาษีศุลกากรของไทยที่มีความซับซ้อน การเก็บภาษีรถยนต์และสินค้าเกษตรในอัตราที่สูง มาตรการด้านสุขอนามัยเกี่ยวกับกระบวนการรับรองการปลอดโรคของสินค้าพืชและสัตว์นำเข้าที่ใช้เวลานาน การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ นโยบายการแข่งขัน และการจำกัดการลงทุนภาคบริการ

โดยเสนอแนะให้ไทยเปิดเสรีภาคบริการเพิ่มเติม ลดข้อจำกัดในการถือหุ้นของต่างชาติ เพิ่มการแข่งขันและปฏิรูปรัฐวิสาหกิจในภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งหากไทยสามารถเร่งการปฏิรูปภายในเพิ่มเติมก็จะยิ่งทำให้ไทยเข้มแข็งยิ่งขึ้น

ข้อคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนความสนใจและการให้ความสำคัญของสมาชิก WTO ต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของไทยอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ สมาชิก WTO เรียกร้องให้ไทยเร่งให้สัตยาบันความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง พิจารณาเข้าร่วมความตกลง Multi-Party Interim Appeal Arbitration Arrangement (MPIA) สนับสนุนการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับการส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transmissions) และความตกลง E-commerce  ของ WTO และสนับสนุนที่ไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งสมาชิก WTO เห็นว่าจะช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายในการยกระดับเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2580

ดร. กิริฎา กล่าวว่า การทบทวนนโยบายการค้าครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยไทยได้สร้างความเข้าใจ และความตระหนักรู้ของสมาชิก WTO ต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ การค้า และการกำกับดูแลของไทย ซึ่งจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของคู่ค้าและนักลงทุน

ขณะเดียวกัน ความเห็นและข้อเสนอแนะจากสมาชิก WTO ยังเป็นประโยชน์ให้ไทยนำไปปรับปรุงนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมทางการค้าและการลงทุนของไทยให้มีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น