'อรรถพล' จ่อประมูลแหล่ง ‘อันดามัน’ ปิดเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา

"อรรถพล" จ่อเปิดสำรวจแหล่งปิโตรเลียมรอบที่ 26 "อันดามัน" แหล่งพลังงานศักยภาพสูง ลั่นปิดพักการเจรจาดีลพื้นที่ทับซ้อน "ไทย-กัมพูชา" เร่งวางยุทธศาสตร์มั่นคงพลังงานรับ Net Zero 2050
KEY
POINTS
- ความมั่นคงด้านพลังงานกำลังถูกท้าทาย ทั้งปริมาณก๊าซในอ่าวไทยลดลง และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่าง "ไทย-กัมพูชา" ที่ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ในระยะนี้ รัฐบาลจึงเลือกขยับยุทธศาสตร์โดยตรงไปยัง "ฝั่งทะเลอันดามัน" ซึ่งการศึกษาพบว่ามีศักยภาพสูง
- การสำรวจแหล่งอันดามัน นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน ยังเป็นการ “จัดหาแหล่งพลังงานชุดใหม่ให้ประเทศ” ในยุคที่ความต้องการไฟฟ้าพุ่งขึ้นต่อเนื่องจาก EV-ดาต้าเซ็นเตอร์-อากาศร้อนจัด
- แผนเปิดประมูลปิโตรเลียมรอบที่ 26 ในทะเลอันดามันเป็น “ความหวังใหม่” ของพลังงานไทย โดยข้อมูลธรณีวิทยาชี้ว่าอาจพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่ใกล้เคียงแหล่งของมาเลเซียที่มีปริมาณมากถึง 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หากไทยพบเพียงครึ่งหนึ่ง “ก็ใช้ได้ยาว 20 ปี”
ทิศทางพลังงานไทยเดินหน้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อ "อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ส่งสัญญาณชัด “เตรียมเปิดแปลงสำรวจปิโตรเลียมฝั่งอันดามัน” หลังพบศักยภาพสูงจากข้อมูลการค้นพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียงของอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันประกาศชัดว่า ประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล "ไทย-กัมพูชา" อยู่ในสภถานการณ์ที่ “ต้องปิดไปก่อน” เพื่อเบนทิศการจัดหาพลังงานกลับสู่ทรัพยากรที่ไทยควบคุมได้เองอย่างมั่นคง
นายอรรถพล กล่าวว่า ท่ามกลางความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศที่ทั่วโลกกังวลมากที่สุดในระยะ 10 ปี ตามรายงาน World Economic Forum พลังงานสะอาดจึงไม่ใช่แค่ประเด็นสิ่งแวดล้อม แต่เป็นปัจจัยชี้ขาด ความสามารถแข่งขันของประเทศ โดยมีมาตรการการค้าใหม่อย่าง CBAM จากยุโรปกดดันประเทศผู้ส่งออก รวมถึงไทยให้เร่งปรับโครงสร้างพลังงาน
แม้ไทยปล่อยคาร์บอนไม่ถึง 1% ของโลกรวมกัน แต่กลับติดอันดับ 17 ประเทศที่เผชิญความเสี่ยงจากความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงสุด ทำให้รัฐบาลต้องเร่งขยับเป้าหมาย Net Zero จากเดิมปี 2065 มาเป็น 2050 เพื่อไม่ให้เสียเปรียบคู่แข่งสำคัญในภูมิภาคอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ที่ประกาศเป้าหมายเดียวกันล่วงหน้าไปแล้ว
"อันดามัน" แหล่งหวังใหม่ เจรจากัมพูชา "นิ่งสนิท"
นายอรรถพล กล่าวยอมรับว่า ความมั่นคงด้านพลังงานกำลังถูกท้าทายหนัก ทั้งจากปริมาณก๊าซในอ่าวไทยที่ลดลง และปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่าง "ไทย-กัมพูชา" ที่ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ในระยะใกล้ รัฐบาลจึงเลือกขยับยุทธศาสตร์โดยตรงไปยัง "ฝั่งทะเลอันดามัน" ซึ่งการศึกษาพบว่ามีศักยภาพสูง และอยู่ในเขตที่ไทยบริหารจัดการได้เต็มรูปแบบ
“อันดามันจะต้องเปิดแน่นอน” รัฐมนตรีพลังงานย้ำ พร้อมระบุว่าการสำรวจในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน ยังเป็นการ “จัดหาแหล่งพลังงานชุดใหม่ให้ประเทศ” ในยุคที่ความต้องการไฟฟ้าพุ่งขึ้นต่อเนื่องจาก EV–ดาต้าเซ็นเตอร์-อากาศร้อนจัด โดยคาดว่าแรงใช้ไฟปี 2568 จะใกล้เคียงกับระดับสูงของปีที่ผ่านมา
นายอรรถพล กล่าวย้ำว่า นโยบายพลังงานต้องรักษาสมดุล ความมั่นคง-ความยั่งยืน-ราคา หากให้ความสำคัญด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป จะกระทบประชาชนและความสามารถแข่งขันของประเทศ การหาแหล่งพลังงานใหม่จึงเป็น “หัวใจสำคัญ” ในการรักษาสมดุลนั้น
กรมเชื้อเพลิงฯ ยันความพร้อมเปิดประมูลรอบ 26
ด้านนายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เสริมว่า แผนเปิดประมูลปิโตรเลียมรอบที่ 26 ในทะเลอันดามันในเร็วๆ นี้ จะเป็น “ความหวังใหม่” ของภาคพลังงานไทย เพราะข้อมูลธรณีวิทยาชี้ว่าอาจพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่ใกล้เคียงแหล่งของมาเลเซียที่มีปริมาณมากถึง 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หากไทยพบเพียงครึ่งหนึ่ง “ก็ใช้ได้ยาว 20 ปี”
เบื้องต้นมีบริษัทน้ำมันระดับโลกให้ความสนใจจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Chevron, ENI, Total, Exxon และ ปตท.สผ. ขณะที่กรมเชื้อเพลิงฯ เตรียมพิจารณาปรับรูปแบบสิทธิสำรวจเป็นระบบ Hybrid - ผสมผสานสัมปทานและ PSC เพื่อจูงใจการลงทุนในทะเลน้ำลึกที่มีต้นทุนสูงเฉลี่ยกว่า 27 ล้านดอลลาร์ต่อหลุม
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐเชื่อว่า หากค้นพบก๊าซในแหล่งอันดามัน จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับ “แสนล้านบาท” พร้อมลดการพึ่งพาการนำเข้า LNG ซึ่งมีราคาผันผวนสูงตามสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ช่วงสงครามตะวันออกกลางที่ราคาพุ่งกว่า 2–3 เท่า ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนค่าไฟของประเทศ
"นอกจากนี้ รายได้ การจ้างงาน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือและโรงแปรรูป LNG จะเกิดขึ้นตามมา ช่วยต่อยอดสู่ความมั่นคงพลังงานระยะยาว"
การเปิด "อันดามัน" จึงเป็นมากกว่าการสำรวจพลังงาน แต่คือการเดินเกมใหญ่เพื่อสร้างฐานพลังงานที่มั่นคงสอดรับการเปลี่ยนผ่านสู่ "พลังงานสะอาด" และยกระดับความสามารถแข่งขันของไทยในระยะยาว







