ซีพีเอฟ ก้าวสู่ Net Zero 900 ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ คุมกระบวนการผลิตได้ตลอดห่วงโซ่

ซีพีเอฟโชว์ความยั่งยืนกว่า 900 ผลิตภัณฑ์ ติดฉลากโลว์คาร์บอนต่ำ ทะยานสู่ Net Zero 2550 หลังร่วมคู่ค้าSME พัฒนาประสิทธิภาพ มั่นใจตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่ ชี้ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องทำ ไม่ใช่ภาระ
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยในงานสัมมนา sustainability Forum 2026 ว่า เนื่องจากซีพีเอฟเป็นองค์กรภาคการผลิตดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับเรื่อง ความยั่งยืนโดยไม่ได้มองเป็นภาระแต่มองเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ทั้งกับองค์กร สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ยั่งยืน
การทำได้เร็วจะสร้างความเชื่อมั่น ต่อผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟได้เร็วกว่าสินค้าอื่นๆ ที่อาจจะเพิ่งเริ่มทำซึ่งใช้เวลาเพราะการสร้างความยั่งยืนไม่สามารถ ทุ่มงบประมาณเพื่อให้เกิดความรวดเร็วได้ทุกอย่าง มีระยะเวลาที่ต้องดำเนินการ
ซีพีเอฟจึงกำหนดเป้าหมายสู่ Net Zero ภายในปี 2050 ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน, การดำเนินงานที่ยั่งยืน, เกษตรกรรมที่ยั่งยืน, และการจัดหาวัตถุดิบ และการบริโภคที่ยั่งยืน โดยมีแผนงานที่ชัดเจน เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030, การลดของเสียให้เป็นศูนย์ภายในปี 2030 และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ
“การจัดการเรื่อง Net Zero เป็นเรื่องใหญ่มากเพราะซีพีเอฟ มีบริษัทลงทุนอยู่ถึง 17 ประเทศ และส่งออก 50 ประเทศทั่วโลก การทำให้ถึงเป้าหมาย จำเป็นต้องใช้ทั้ง AI บล็อกเชนจ์ การสร้างพลังงานจากฟาร์ม และสร้างความเข้าใจกับพนักงานรวมไปถึงคู่ค้า วัตถุดิบต่างๆ ทั้ง กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์ม และกลุ่มอาหารหลักใหญ่คือ ต้องคุมทั้งหมด และเมคชัวร์ว่าคุณภาพต้องได้ตลอดห่วงโซ่ และต้องทำให้เหมือนกันทั้ง 17 ประเทศที่เราไปลงทุน โดยใช้ฐานการผลิตที่ไทย และเวียดนาม เป็นโมเดล หลัก”
ทั้งนี้กลยุทธ์หลักสู่ Net Zero 2050 ซีพีเอฟกำหนด ให้มีการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เน้นการอนุรักษ์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน การดำเนินงานที่ยั่งยืน มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิต และขนส่ง อย่างมีประสิทธิภาพ การลดของเสียไปสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ภายในปี 2030 และการจัดการระบบทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เกษตรกรรมที่ยั่งยืน นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดการปล่อย และเพิ่มการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรกรรม รวมถึงการผลิตพลังงานหมุนเวียนจากของเสียทางการเกษตร และการจัดหาวัตถุดิบ และการบริโภคที่ยั่งยืน เช่น ข้าวโพด และถั่วเหลืองมาจากแหล่งที่ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2030 และ 2573 รวมถึงการผลิตสินค้า และบริการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อผู้บริโภคใช้งาน
ปัจจุบันซีพีเอฟเดินหน้าก้าวสู่เป้าหมายได้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้โดยการจัดหาวัตถุดิบ จัดหาวัตถุดิบ ใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ครอบคลุมพื้นที่ปลูกข้าวโพดในไทยกว่า 2 ล้านไร่ พร้อมแอป F-Farm ที่เกษตรกรกว่า 2 หมื่นรายต้องระบุพิกัดแปลงปลูก และใช้ดาวเทียมตรวจสอบการเผาไร่ ด้านพลังงานสะอาด ปัจจุบันของพลังงานที่ใช้ในโรงงานมาจากพลังงานหมุนเวียน ลดต้นทุนปีละกว่า 500 ล้านบาท และลดก๊าซเรือนกระจก 700,000 ตันคาร์บอนต่อปี
ซีพีเอฟ เลิกใช้ถ่านหิน แล้วใน 13 จาก 17 ประเทศที่บริษัทเข้าไปลงทุน และตั้งเป้ายกเลิกทั้งหมดภายในปี 2030 ปัจจุบันดำเนินการได้ประมาณ 87% ระบบโลจิสติกส์ มีแผนระยะยาวให้ยานพาหนะทั้งหมดของบริษัทเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และการสื่อสารภายในองค์กร ให้พนักงานทั่วโลกของ CPF ต้องรับรู้ เข้าใจ และลงมือทำตามแผน Net Zero ร่วมกัน
นอกจากนี้ซีพีเอฟมีคู่ค้าSME รายย่อยจำนวนมากกว่า 5,500 ราย ทั้งขนาด เล็กกลาง และใหญ่ ซึ่งผู้ค้าเหล่านี้เป็นกลุ่มผลิตวัตถุดิบป้อนให้กับซีพีเอฟดังนั้นจึงมีขบวนการด้านความยั่งยืนเพื่อสร้างให้กับ ผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซีพีเอฟจึงมีโครงการ “Partner to Grow…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” เกิดขึ้น โดยส่งเอ็นจิเนียร์ของบริษัทที่มีกว่า 500 คนเข้าไป พัฒนาระบบการผลิตของผู้ค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นปัจจุบันดำเนินโครงการเข้าสู่ปีที่4 แต่ละปีมีผู้เข้าร่วมประมาณ 30 บริษัท พบว่าลูกค้ามีการพัฒนามากขึ้นผลผลิตสม่ำเสมอ และมีคุณภาพตามที่ซีพีเอฟต้องการรวมทั้งยังมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอันนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะจะส่งผลให้ซีพีเอฟไปสู่ Net Zero ได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟกว่า 900 สินค้าซีพีเอฟ ที่กระบวนการผลิต ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ของผลิตภัณฑ์หมูไก่ กุ้ง และอาหารสัตว์ ที่พิสูจน์ได้ว่าปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ จึงได้รับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน) หรือ อบก. และ 30 รายการ ได้รับรองฉลากลดโลกร้อน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 1.483 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า อย่างกรณีไก่เนื้อของซีพีเอฟสามารถระบุได้ว่าเป็นไก่ที่ผ่านระบบการเลี้ยงลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 50% จากการรับรองของสถาบันเพื่อความยั่งยืน 12 แห่ง ไก่ของซีพีเอฟจึงถูกส่งให้เป็นอาหารของนักบินอวกาศได้
“ องค์ความรู้ในด้านความยั่งยืนทั้งหมดนี้ ซีพีเอฟมีความพร้อมที่จะแชร์ให้กับองค์กรในเครือหรือบริษัทอื่นๆ เพื่อปรับไปใช้ประโยชน์ และน้อมรับความเห็นขององค์กรอื่นที่จะเป็นประโยชน์กับด้านความยั่งยืน และนำมาปรับใช้กับบริษัทเช่นกัน เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องร่วมกันทำจึงจะประสบผลสำเร็จ”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







